xs
xsm
sm
md
lg

ชาวกาฬสินธุ์โวยผู้รับเหมาเจาะบ่อบาดาลแก้แล้งห่วยแตก จี้ตรวจสอบทุกบ่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

/เกษตรกรผู้ปลูกมันสำประหลังใน ต.หนองกุง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ รวมตัวกันเข้าตรวจสอบการขุดเจาะบ่อบาดาลในไร่มันสำปะหลังของเกษตรกรบ้านโนนสง่า ม.3 ต.หนองกุง
กาฬสินธุ์ - เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในกาฬสินธุ์โวย ผู้รับเหมาเจาะบ่อบาดาลโครงการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการผลิตและเพิ่มมูลค่าผลผลิตมันสำปะหลังแก้ปัญหาภัยแล้งงบประมาณ 14 ล้านมักง่าย ไร้มาตรฐาน จี้ตรวจสอบทุกบ่อ หวั่นไม่เกิดประโยชน์ในช่วงประสบวิกฤตภัยแล้ง

วันนี้ (6 ส.ค.) กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังใน ต.หนองกุง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ กว่า 10 คน รวมตัวกันเข้าตรวจสอบการขุดเจาะบ่อบาดาลในไร่มันสำปะหลังของเกษตรกรบ้านโนนสง่า ม.3 ต.หนองกุง ตามโครงการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการผลิตและเพิ่มมูลค่าผลผลิตมันสำปะหลังปี 2558 งบประมาณ 14,400,000 บาท ของสำนักงานเกษตรจังหวัดกาฬสินธุ์ หลังจากผู้รับเหมาได้ทำการขุดเจาะเสร็จแล้วแต่ปล่อยทิ้งไว้ จึงยังไม่สามารถใช้งานได้ แต่กลับเตรียมที่จะเบิกเงินค่าจ้าง โดยชาวบ้านระบุว่าถือเป็นการขุดเจาะที่มักง่ายและไม่ได้มาตรฐาน

ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรได้นำเชือกและตลับเมตรมาวัดความลึกในการเจาะ ซึ่งปรากฏว่าผู้รับเหมาได้ทำการขุดเจาะเพียง 47 เมตรเท่านั้น ทำให้เกษตรกรเกรงว่าจะไม่เกิดประโยชน์ไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาหล่อเลี้ยงมันสำปะหลังในช่วงหน้าแล้งได้ จึงเรียกร้องให้ผู้รับเหมาเข้ามารับผิดชอบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เข้ามาตรวจสอบ

โดยเฉพาะสำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ป.ป.ช. และศูนย์ดำรงธรรม เพื่อให้ผู้รับเหมาดำเนินการขุดเจาะให้ได้มาตรฐานคุ้มกับเงินงบประมาณแผ่นดินและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกร

นางบังอร ญาณศิษย์ สมาชิกกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ต.หนองกุง กล่าวว่า เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีรถของผู้รับเหมาเข้ามาขุดเจาะบ่อบาดาลในไร่มันของสมาชิกบ้านโนนสง่า โดยเข้ามาช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ขุดเจาะแล้วเสร็จ โดยไม่มีการแจ้งเจ้าของที่และแจ้งสมาชิก จากนั้นตนและสมาชิกจึงได้เข้ามาตรวจสอบดูพบว่าบ่อบาดาลถูกเจาะลงไปลึกเพียง 47 เมตรเท่านั้น

“ถือว่าไม่ได้มาตรฐานและมักง่าย เนื่องจากเกรงว่าความลึกเพียง 47 เมตรจะดึงน้ำจากบ่อบาดาลของชาวบ้านใกล้เคียงที่ใช้อุปโภค บริโภคไปจนหมด และความลึกเท่านี้จะไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้หล่อเลี้ยงมันสำปะหลังได้ในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งการขุดเจาะดังกล่าวทราบว่าราคาที่ขุดบ่อละ 5 แสนบาทถือว่าไม่คุ้ม ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อให้เหมาะสมกับเงินงบประมาณด้วย” นางบังอรกล่าว

ด้านนายอุทัย เศรษฐนันท์ กำนันตำบลหนองกุง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ต.หนองกุง กล่าวว่า การขุดเจาะบ่อบาดาลดังกล่าวชาวบ้านดูแล้วถือว่าเป็นการขุดที่มักง่ายไม่ได้มาตรฐานถ้าขุดแบบนี้ไม่เกิดประโยชน์ในอนาคต โดยเฉพาะช่วงที่เกษตรกรประสบภาวะวิกฤตภัยแล้งจะไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาหล่อเลี้ยงมันสำปะหลังได้

นอกจากจะไม่เพิ่มผลผลิตแล้วยังจะทำให้เสียหายอีกด้วย ทั้งนี้ ทราบว่าโครงการดังกล่าวมีการขุดเจาะรวมทั้งหมด 50 บ่อ งบประมาณ 14,400,000 บาท กระจายอยู่ 15 อำเภอ และปัจจุบันมีการขุดเจาะอย่างเดียวยังไม่ติดตั้งอุปกรณ์ เสร็จไปแล้วประมาณ 20 บ่อ แต่ผู้รับเหมากลับเตรียมที่จะเบิกเงินค้าจ้างแล้ว

ดังนั้น ชาวบ้านจึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งสำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ป.ป.ช. และศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งจะต้องตรวจสอบการขุดเจาะทั้งหมด 50 บ่อ เพื่อให้ผู้รับเหมาดำเนินการขุดเจาะและติดตั้งอุปกรณ์ให้ใช้งานได้จนแล้วเสร็จ และต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดจากช่างผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่าย

รวมทั้งตั้งสมาชิกกลุ่มเกษตรกรเข้าร่วมตรวจงานด้วยเพื่อให้ได้ตามหลักเกณฑ์และมีมาตรฐานเหมาะสมกับเงินงบประมาณ ซึ่งเป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชน

ขณะที่ นายประพาส บุญสุข เกษตรจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับโครงการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการผลิตและเพิ่มมูลค่าผลผลิตมันสำประหลังปี 2558 นั้น ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดได้รับงบประมาณมาดำเนินการ เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้เกษตรกรในการเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังและแก้ปัญหาภัยแล้ง เบื้องต้นมีการขุดเจาะบ่อบาดาลในไร่มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นแปลงสาธิตรวมทั้งหมด 50 บ่อ งบประมาณ 14,400,000 บาท กระจายอยู่ 15 อำเภอ

โดยที่ผ่านมามีการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบขั้นตอน กระทั่งได้ผู้รับเหมาและดำเนินการขุดเจาะไปบ้างบางส่วนแล้ว โดยได้ตั้งคณะกรรมการตรวจคุมงาน ซึ่งเป็นเกษตรอำเภอ นายช่างของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายช่างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่มีการขุดเจาะ ทั้งนี้ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่าผู้รับเหมากำลังเตรียมเอกสารขอเบิกเงินงวดแรก

“แต่หากมีประชาชนร้องเรียนเรื่องดังกล่าวทางสำนักงานเกษตรจังหวัดก็จะต้องมีการพิจารณา และลงไปตรวจสอบ เพื่อให้การดำเนินการโครงการดังกล่าวเกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรต่อไป” นายประพาสกล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น