สุรินทร์ - น่าเวทนา! หญิงชราเมืองช้างวัย 72 ปี ทุกข์ยากลำบากอยู่กับหลานสาวอายุ 12 ปีเพียงลำพัง 2 คน ในกระท่อมเก่าผุสังกะสีรั่วใกล้พังครืน ไม่มีรายได้อาศัยเพียงเงินเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 700 บาท อดมื้อกินมื้อหาเก็บผักตามริมรั้วมาต้มกินมีชีวิตรอดไปวันๆ ซ้ำโรครุมเร้าทั้งเบาหวานความดันต้องตัดนิ้วเท้าทิ้งเดินเหินลำบาก วิงวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
วันนี้ (6 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านไทรทาบ ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ ว่า มีหญิงชราวัย 72 ปี อาศัยอยู่ในกระท่อมหลังเก่าใกล้ผุพัง กับหลานสาว อายุ 12 ปี เพียงลำพัง 2 คน ด้วยความทุกข์ยากลำบากต้องอดมื้อกินมื้อเนื่องจากฐานะยากจนไม่มีรายได้ มีเพียงเบี้ยผู้สูงอายุให้ได้ใช้จ่ายเดือนละ 700 บาท ซึ่งไม่เพียงพอ บางวันต้องหาเก็บผักตามป่า ริมรั้วมาต้มกินกับน้ำพริกกับหลาน 2 คนเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดไปวันๆ
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 49/1 บ้านไทรทาบ ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ พบนางเสือง สมัคกล้า อายุ 72 ปี อาศัยอยู่กับหลานสาวอายุ 12 ปี กันเพียง 2 คน โดยบ้านมีสภาพเก่าทรุดโทรม ใต้ถุนสูงจากพื้น 50 เซนติเมตร หลังคามุงสังกะสีและใช้สังกะสีเก่าปิดเป็นฝาผนังบ้าน ซึ่งเริ่มผุกร่อนเต็มไปด้วยรูรั่ว เสาบ้านเอียงไม่รู้จะหักพังครืนลงมาวันไหน ขณะที่ภายในบ้านพบมุ้งหมอน ผ้าห่ม ที่นอน สภาพเก่าที่สองยายหลานใช้เป็นที่หลับนอน พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งโทรทัศน์ ตู้เย็น เก่าชำรุดแทบใช้การไม่ได้
ส่วนตัวนางเสืองเองมีโรคประจำตัวรุมเร้า ทั้งเบาหวาน ความดัน นิ้วเท้าอักเสบต้องถูกตัดนิ้วทิ้งไปหลายนิ้ว เดินแทบไม่ไหวต้องใช้เหล็กค้ำยันคอยพยุงเดิน จึงทำให้นางเสืองแทบช่วยเหลือตนเองไม่ได้
นางเสืองเล่าถึงเรื่องราวชีวิตให้ฟังว่า ได้เลิกกับสามี คือ นายบุญทัน แววดี มากว่า 40 ปีแล้ว ปัจจุบันบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดกระทม ต.นาบัว โดยมีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นลูกสาว 1 คน คือ นางพรรณนา อายุ 48 ปี แต่งงานไปอยู่ต่างจังหวัด ส่วนลูกชาย คือ นายสมชาย อายุ 47 ปี ทำงานก่อสร้างอยู่ต่างจังหวัด และแต่งงานมีครอบครัวแล้วเช่นกัน นานๆ ทีจะมาเยี่ยมแม่สักครั้ง และนานๆ ครั้งจะส่งเงินให้แม่ใช้บ้างตามอัตภาพ
ต่อมาตนได้รับอุปการะหลานสาว ซึ่งเป็นลูกของน้องชายมาเลี้ยงส่งเสียให้เรียน ชื่อ เด็กหญิงปัทมา ชาวนา หรือ น้องปัท อายุ 12 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.6 โรงเรียนบ้านนาสาม(เกียรติประชา) ซึ่งพ่อแม่ของน้องปัทแยกทางกัน ทิ้งไว้ให้น้องชายของตนดูแล แต่ไม่สามารถดูแลได้ ตนจึงนำหลานมาเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะจนรักและผูกพันเขามาก ส่วนผลการเรียนปานกลาง แต่ก็ขยันเรียนหนังสือ
ส่วนการอยู่กินต่างก็ช่วยเหลือจุนเจือกัน ซึ่งลูกสาวตนส่งเงินให้ใช้เดือนละ 1,000 บาท และมีค่าเบี้ยยังชีพอีก 700 บาท นอกจากนี้ ทางมูลนิธิธรรมกิจ วิธาน (เกียรติ พิมโพ) ก็เคยให้เงินช่วยเหลือบ้าง แต่ก็ไม่เพียงพอ อดบ้างอิ่มบ้าง ต้องอดทนอยู่กันไป
นางเสืองกล่าวต่อว่า ปัจจุบันสุขภาพของตนต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมาน เพราะนอกจากชราภาพแล้ว ยังมีโรคประจำตัวหลายโรค ทั้งเบาหวาน ความดัน นิ้วเท้าอักเสบถูกตัดทิ้งเดินแทบไม่ไหว และแทบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะช่วงที่หลาน น้องปัทมาไปโรงเรียนจะลำบากมากเพราะทำอะไรด้วยตนเองไม่ได้ บางทีมีคนใกล้บ้านหรือญาติ มาช่วยหาข้าวหาน้ำให้กินบ้างตามแต่สะดวก เพราะต่างคนก็มีภาระทำมาหากินเช่นกัน
นางเสืองกล่าวว่า สงสารแต่หลานสาวที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กเริ่มโตขึ้นทุกวัน ปีหน้าก็จะขึ้นชั้นมัธยมต้นแล้ว ไม่รู้จะไหวหรือเปล่า บ้านผุพังไปเรื่อยๆ กลางคืนได้ยินแต่เสียงปลวกกัดแทะกินไม้ สังกะสีหลังคาก็รั่ว ฝาบ้านฝนก็สาดเข้ามา ตอนนี้ลำบากจริงๆ แต่ยามไม่มีกินก็ไม่กล้ารบกวนไปขอใคร เพราะเกรงใจคนอื่น เขาคงลำบากเหมือนกัน
“ทุกวันนี้ต้องอยู่ด้วยความอดทนเพื่อให้มีชีวิตยืดยาวที่สุด เพราะเป็นห่วงลูกหลานสาวแต่ก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรกับลูกๆ คิดเพียงว่าวันนี้และพรุ่งนี้จกินข้าวกับอะไร มีเงินที่ไหนให้หลานไปโรงเรียน ซึ่งได้เจียดเงินอย่างประหยัดให้หลานไปโรงเรียนวันละ 15 บาท บางวันก็ได้แค่ 5 บาท” นางเสืองกล่าว
ด้าน นางจินชวน เมืองไทย อายุ 49 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไทรทาบ กล่าวว่า นางเสือง อยู่กับหลาน 2 คน กินอยู่ตามมีตามเกิด บางทีชาวบ้านก็หยิบยื่นให้บ้าง อาศัยแต่เบี้ยผู้สูงอายุ ลูกหลานก็ไม่รู้จะส่งมาให้บ้างหรือเปล่า ส่วนหลานนั้นเป็นลูกของน้องชายที่นางเสืองนำมาเลี้ยงตั้งแต่เล็กๆ และตอนนี้นางเสืองมีโรครุมเร้าหลายโรคต้องตัดนิ้วเท้าทิ้ง ส่วนบ้านก็ไม่รู้ว่าจะล้มพังลงวันไหน อยากให้ผู้ใจบุญช่วยเหลือเรื่องการก่อสร้างบ้านหลังใหม่ที่แข็งแรงให้นางเสืองได้อยู่อาศัยกับหลานสาว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดทางด้าน นายสันติชัย คงเถลิงสิริวัฒนา ปลัดจังหวัดสุรินทร์ ได้ระดมทุนส่วนตัวและขอความร่วมมือจากเพื่อนสนิทมิตรสหายและผู้ใจบุญลงขันบริจาคเพื่อสร้างที่พักอาศัยแก่ผู้ยากไร้ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ จำนวน 4 หลัง เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ 1 ใน 4 หลังที่ได้รับการช่วยเหลือเรื่องค่าวัสดุอุปกรณ์ในการสร้างบ้านที่พักอาศัยให้คือ นางเสือง สมัคกล้า อายุ 72 ปี โดยให้ผู้ใหญ่บ้านประสานกับลูกบ้านในการช่วยลงแรงกันรื้อถอนและก่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้ต่อไป ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการช่วยเหลืออยู่
ทั้งนี้ หากผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือนางเสือง สมัคกล้า สามารถบริจาคได้ที่ บัญชีเงินฝากเผื่อเรียก ธนาคารออมสิน สาขาสุรินทร์ หมายเลขบัญชี 02 010 965 2543 หรือติดต่อสอบถามข้อมูลการช่วยเหลือเพิ่มเติมได้ที่ นางจินชวน เมืองไทย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไทรทาบ หมายเลขโทรศัพท์ 08-5769-2567