บุรีรัมย์ - อ่างเก็บน้ำคลองมะนาว จ.บุรีรัมย์ น้ำแห้งตื้นเขินวิกฤตสุดรอบ 40 ปีจนเห็นตอไม้โผล่กลางอ่างจำนวนมากหลังฝนทิ้งช่วงนานกว่า 1 เดือน ปัจจุบันเหลือน้ำเพียง 6 แสน ลบ.ม. จากความจุกว่า 2.8 ล้าน ลบ.ม. งดปล่อยน้ำทำนาหวั่นไม่พอผลิตประปา ทั้งกระทบพันธุ์สัตว์น้ำหดหายและลอยตายเกลื่อน
วันนี้ (6 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ยังลุกลามต่อเนื่อง ล่าสุดอ่างเก็บน้ำคลองมะนาวซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบผลิตประปาและเพื่อการเกษตร ที่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ มีสภาพตื้นเขินวิกฤตสุดในรอบ 40 ปีจนมองเห็นตอไม้ทั้งขนาดใหญ่และเล็กโผล่ขึ้นกลางอ่างเป็นจำนวนมากเห็นถึงความแห้งแล้งอย่างชัดเจน
โดยปัจจุบันมีน้ำเหลืออยู่เพียง 600,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือประมาณ 20% ของความจุอ่างกว่า 2.8 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากฝนทิ้งช่วงมานานกว่า 1 เดือน จนทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำนางรองที่ดูแลรับผิดชอบต้องชะลอปล่อยน้ำเพื่อการเกษตร เพราะเกรงจะส่งผลกระทบต่อน้ำดิบที่จะนำมาผลิตประปาหล่อเลี้ยงประชาชนในเขต อ.โนนดินแดง เกือบ 3,000 ครัวเรือนไม่เพียงพอ โดยแต่ละเดือนจะต้องใช้น้ำในการผลิตประปาเฉลี่ยเดือนละ 100,000 ลบ.ม.
ขณะเจ้าหน้าที่ที่ดูแลประจำสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคโนนดินแดงระบุว่า แม้จะเหลือน้ำในอ่างคลองมะนาวอยู่กว่า 6 แสนลูกบาศก์เมตร แต่มีสภาพเป็นขุ่นโคลน เมื่อสูบขึ้นมาทำประปาต้องใช้สารส้มในการกรองน้ำให้สะอาดเป็นจำนวนมากขึ้น
จากสภาพความแห้งแล้งและฝนทิ้งช่วงมานานกว่า 1 เดือนที่ทำให้น้ำในอ่างคลองมะนาวมีสภาพตื้นเขิน ยังส่งผลกระทบต่อพันธุ์สัตว์น้ำหลายชนิดที่นำมาปล่อยเพื่อแพร่ขยายพันธุ์ ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ก็เริ่มหดหาย ทั้งยังพบซากหอยลอยตายเกลื่อนเป็นจำนวนมากด้วย
ด้าน นายสุพัฒน์ ฤทธิชู ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำนางรอง มีอ่างเก็บน้ำอยู่ 4 อ่าง คือ เขื่อนลำนางรอง, อ่างเก็บน้ำคลองมะนาว, อ่างเก็บน้ำลำปะเทีย และอ่างเก็บน้ำลำจังหัน
ในจำนวนนี้มีอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำเก็บกักน้อย คือ อ่างเก็บน้ำคลองมะนาว มีปริมาณน้ำเพียง 20% หรือประมาณ 600,000 ลบ.ม. ซึ่งอ่างแห่งนี้ใช้เพื่อการผลิตประปาบริการประชาชนของอำเภอโนนดินแดง เฉลี่ยเดือนละ 100,000 ลบ.ม. คาดว่ายังมีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับผลิตประปาตลอดฤดูกาลนี้ แต่ช่วงนี้ต้องชะลอปล่อยน้ำเพื่อการเกษตรไปก่อนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อน้ำอุปโภคบริโภค
