นครพนม - รวบแล้ว 2 ฆาตกรหื่นข่มขืนฆ่าน้องแวว วัย 14 ปี หลังพ่อผู้ตายขึ้นป้ายร้องทุกข์คดีถูกดองนานร่วม 2 ปี ผบช.ภ.4 สั่งตำรวจมือดีลงพื้นที่แกะรอยปิดคดีดัง เตรียมขยายผลรวบเพื่อนร่วมแก๊งอีก เชื่อพยานหลักฐานเพียงพอ ไม่มีแพะ ถึงผู้ต้องหาปฏิเสธ พ่อผู้ตายฝาก ผบ.ตร.อยากให้มีมาตรฐาน ไม่มีคำว่าคดีคนรวย-คนจน
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (1 ก.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ธนพล บริบูรณ์ ผบก.ภจว.นครพนม พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผู้บังคับการสืบสวน ภ.4 พ.ต.อ.โชคชัย อินทะนิน ผกก.สภ.ศรีสงคราม พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.4 พ.ต.ท.กิตติพงษ์ จิตรคาม รอง ผกก.สืบสวน ช่วยราชการสืบสวน 1 บก.สส.ภาค 4 และชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมแถลงข่าวจับกุมคนร้ายก่อเหตุฆ่าข่มขืนโหดเด็กสาววัย 14 ปี เมื่อ 2 ปีก่อน
พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.4 ระดมกำลังตำรวจชุดสืบสวนมือดีลงพื้นที่รื้อคดีจนกระทั่งเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังมีการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล ไปจนถึงหลักฐานการตรวจดีเอ็นอีกับบุคลเกี่ยวข้องที่เก็บหลักฐานได้จากศพวันเกิดเหตุ พร้อมขออนุมัติศาลจังหวัดนครพนม ที่ จ 117/2558 และ จ 118/2558 จับกุมตัว 2 ผู้ต้องหา คือ นายสาคร ไชยกา อายุ 29 ปี และนายปรียะพงษ์ ดวงภักดี อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันมาสอบสวนเนินคดี
โดยตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามโดยปราศจากเหตุอันสมควร ร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง และผู้ดูแล และร่วมกันปิดบัง อำพราง ซ่อนเร้น หรือกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
ซึ่งเบื้องต้น ทางผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ อ้างไม่รู้เห็น และขอให้การในชั้นศาล
ภายหลังแถลงข่าว นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่เคยดูแลติดตามช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียหาย รวมถึง นายธวัช อุทัยคา อายุ 38 ปี พ่อเหยื่อโจรอำมหิตพร้อมญาติพี่น้องได้มอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เร่งรัดติดตามคดีให้ พร้อมเรียกร้องให้กำชับดูแลทุกข์สุขประชาชนโดยไม่มีสองมาตรฐานทั้งคดีคนจนคนรวย
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความมั่นใจในตัวผู้ต้องหาว่ากระทำผิดจริง เนื่องจากในการสืบสวนสอบสวนมีพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล รวมถึงหลักฐานการตรวจดีเอ็นเอ คราบอสุจิของผู้ก่อเหตุที่เคยเก็บหลักฐานไว้หลังเกิดเหตุชัดเจนเพียงพอที่จะเอาผิดผู้ต้องหาได้อย่างแน่นอน รวมถึงพยานแวดล้อมที่พบเห็นผู้ต้องหาร่วมกันกระทำการติดตามน้องแวว ก่อนหายตัวไป
ถึงแม้ผู้ต้องหาจะมีการปฏิเสธในข้อกล่าวหาซึ่งให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ที่สำคัญผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เป็นกลุ่มเป้าหมายที่เคยถูกนำตัวมาสอบสวน แต่พยานหลักฐานไม่เพียงพอ จึงเกิดความล่าช้า และรอพยานบุคคลให้การเพิ่มเติม
นอกจากนี้ เมื่อมีการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญได้แล้ว จะได้เร่งสอบสวนขยายผลติดตามเพื่อนร่วมแก๊งมาดำเนินคดี เพราะยังมีอีกหลายคนที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างการดำเนินการ ส่วนสาเหตุจากแนวทางการสืบสวน เชื่อว่าจะมีการวางแผนร่วมกันในกลุ่มผู้ต้องหาหลายคนที่คึกคะนองจากการดื่มสุรา เนื่องจากผู้ตายเป็นเด็กหน้าตาดี และอาศัยอยู่กับยาย ไม่มีคนดูแล จึงใช้ความสนิทสนม เพราะเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันก่อเหตุ และฆ่าปิดปากอำพรางคดี
ด้าน นายธวัช พ่อเหยื่อข่มขืนฆ่าโหด กล่าวว่า ตนต่อสู้ต่อความไม่เป็นธรรมมาเกือบ 2 ปี ยอมรับจนท้อใจ เพราะคดีไม่มีความคืบหน้าอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่ได้รับการสนใจจากตำรวจพื้นที่เท่าที่ควร จนต้องไปร้องทุกข์หลายหน่วยงาน จนกระทั่งหมดหนทางต้องขึ้นป้ายร้องทุกข์หน้าบ้าน และร้องทุกข์ผ่านสื่อ
จนกระทั่งผู้บัญชาการตำรวจภาค 4 ส่งชุดสืบสวนมาคลี่คลายคดีจับกุมผู้ต้องหาได้ในระยะเวลาประมาณ 2 เดือน ซึ่งเป็นไปตามที่ตนคาดว่าเป็นคนในพื้นที่ลงมือ ขอขอบคุณตำรวจที่ช่วยจับกุมคนร้ายมาได้ การสูญเสียครั้งนี้ไม่มีอะไรที่ชดเชยได้ สิ่งเดียวขอเพียงจับคนร้ายมาชดใช้กรรม และขอให้ขยายผลจับให้ได้ทั้งหมด
“ฝากไปถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการทำงานของตำรวจอยากให้เป็นที่พึ่งของชาวบ้านจริงๆ ไม่อยากให้มี 2 มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นคดีคนจน หรือคนรวย”