พระนครศรีอยุธยา - ชาวนาอยุธยาเดือดร้อนหนัก พบน้ำในคลองหลายแห่งแห้งขอด โดยเฉพาะ “คลองระพีพัฒน์” ที่กั้นระหว่าง 2 จังหวัด “พระนครศรีอยุธยา” กับ “ปทุมธานี” เหลือน้ำสูงแค่ 40 เซนติเมตร ขณะที่นาข้าวขาดแคลนน้ำ ด้าน “เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” เริ่มลดการระบายน้ำออกจากเขื่อนทางประตูระบายน้ำฉุกเฉิน หลังจากน้ำในเขื่อนป่าสักฯ ยังคงลดลงต่อเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด และแล้งหนัก พร้อมเตือนผู้เลี้ยงปลากระชังรับมือวิกฤตน้ำน้อย
วันนี้ (25 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาว่า จากการลงพื้นที่สำรวจปริมาณน้ำตามคลองต่างๆ พบที่คลองสี่ ซึ่งเป็นคลองที่เชื่อมระหว่าง อ.เสนา และ อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา สภาพน้ำในคลองแห้งขอด มีน้ำเหลือให้เห็นอยู่เพียงก้นคลองเท่านั้น ทำให้ชาวนาที่ต้องอาศัยน้ำในคลองสี่แห่งนี้ได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน
ส่วนที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำในคลองระพีพัฒน์ ที่คั่นพื้นที่ระหว่าง จ.ปทุมธานี และ จ.พระนครศรีอยุธยา มีน้ำในคลองสูงแค่ประมาณ 40 เซนติเมตร (ซม.) เพื่อหล่อเลี้ยง 2 ฝั่งถนนไม่ถนนทรุดตัวไหลลงคลองเท่านั้น ทำให้น้ำในคลองต่ำกว่าประตูระบายน้ำทุกประตู ระดับ 30-50 ซม.ตั้งแต่คลองหนึ่งไปถึงคลองสิบสอง น้ำไม่ไหลเข้าไปยังคลองส่งน้ำต่างๆ เพื่อให้ชาวนาทำนาได้ เช่น ประตูระบายปากคลองส่งน้ำ 8 ซ้าย คลองระพีพัฒน์แยกตก กม.32+285 โครงการรังสิตเหนือกรมชลประทานภายในคลองดังกล่าวไม่มีน้ำที่จะทำนานาข้าวหลายร้อยไร่ เมล็ดข้าวที่หว่านลงไปต้องเป็นอาหารของนก
ขณะที่ประตูระบายน้ำ 7 ซ้าย กม.29+800 โครงการรังสิตเหนือก็เช่นกัน ภายในคลองไม่มีน้ำแห้งจนเดินลงไปในคลองได้ ในส่วนของประตูระบายน้ำ 6 ซ้าย กม.26+759 โครงการรังสิตเหนือองค์การบริการส่วนตำบล (อบต.ป คลองห้า และ อบต.คลองสี่ ได้นำเครื่องสูบน้ำไฟฟ้ามาสูบน้ำในคลองระพีพัฒน์ ไปช่วยชาวนาได้พอสมควร และส่วนของคลองระบายน้ำที่ใหญ่กว่าคลองส่งน้ำนั้น ยังพอมีน้ำให้ชาวนาได้ทำนาบ้าง และบางคลองทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้ตั้งเครื่องสูบน้ำไฟฟ้ามาตั้งสูบที่ปากคลองเพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้ในการบริโภคกัน
ด้าน นายอรรรถพร ปัญญาโฉม ผู้อำนวยการจัดสรรน้ำสำนักงานชลประทานที่ 10 จ.ลพบุรี เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี วันนี้ได้เริ่มลดการระบายน้ำออกจากเขื่อนทางประตูระบายน้ำฉุกเฉิน หลังจากน้ำในเขื่อนป่าสักฯ ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด และแล้งหนัก
โดยมีปริมาณน้ำสะสมในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักฯ อยู่ที่ 69.84 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 7.28% ขณะที่น้ำไหลเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ไม่มีน้ำไหลลงสู่เขื่อนป่าสักฯ เลย ทำให้น้ำในลำน้ำป่าสักตั้งแต่ ต.แก่งเสือเต้น อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี บ้านหินซ้อม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ไปจนถึง อ.ท่าเรือ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จะมีปริมาณน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลงอีก
จึงขอเตือนประชาชนที่เลี้ยงปลากระชังในพื้นที่ท้ายเขื่อนป่าสักฯ ให้เตรียมความพร้อมรับมือต่อวิกฤตน้ำป่าสักลดลงเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบปลาน็อกน้ำจนตายสร้างความเดือดร้อน และขาดทุนลงได้ หรือหากเป็นไปได้ช่วงนี้ขอความร่วมมือหยุดเลี้ยงปลากระชังก่อน
ขณะที่สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โคกสลุง เนื่องจากไม่สามารถนำน้ำมาทำประปาได้ และบ่อที่สำรองน้ำไว้ยังไม่แน่ว่าจะสามารถใช้น้ำได้กี่วัน เพราะไม่มีน้ำมาเติม หากบ่อสำรองน้ำแห้งชาวบ้านจะเดือดร้อนแน่นอน