ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - สคร.5 เผยอีสานใต้พบผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังโรคเมอร์ส 7 ราย โคราช 3 ชัยภูมิ 2 และบุรีรัมย์ 2 ราย มีประวัติเดินทางมาจากประเทศโรคระบาด อยู่ระหว่างกักตัวดูอาการจนครบ 14 วัน ระบุเด็กชัยภูมิกลับจากเกาหลีไม่มีไข้ผลตรวจแล็บเป็นลบไม่ติดเชื้อ แต่ยังต้องเฝ้าระวังต่อ เผยร่วม ตม.คุมเข้มด่านชายแดน ตรวจนักท่องเที่ยวทุกรายสกัดการระบาดของโรค
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา ถ.ราชสีมา-โชคชัย อ.เมือง จ.นครราชสีมา นพ.ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา ซึ่งดูแลรับผิดชอบพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ประกอบด้วย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ เปิดเผยถึงการเฝ้าระวังการระบาดของโรคไวรัสเมอร์สในพื้นที่รับผิดชอบว่า ล่าสุดจนถึงขณะนี้มีบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่มีประวัติเดินทางมาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสเมอร์สและอยู่ระหว่างกักตัวเพื่อเฝ้าระวังดูอาการ รวมทั้งสิ้น 7 ราย
แบ่งเป็น พื้นที่ จ.นครราชสีมา 3 ราย ซึ่งเป็นครอบครัวที่เดินทางมากับสายการบินเดียวกับชายชาวโอมานที่ตรวจพบป่วยเป็นโรคเมอร์สรายแรกของไทย โดยบุตรชายวัย 6 ขวบป่วยเป็นไข้หวัด และแม่มีอาการน้ำมูกไหล ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปากช่องนานา อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ผลตรวจในห้องปฏิบัติการ (แล็บ) จำนวน 3 ครั้งออกมาเป็นลบไม่พบติดเชื้อไวรัสเมอร์ส แต่ยังต้องกักตัวเฝ้าระวังให้ครบตามกำหนด 14 วัน
นอกจากนี้ ยังพบกลุ่มเสี่ยงที่ จ.บุรีรัมย์อีก 2 ราย โดยผลการตรวจตัวอย่างสารคัดหลั่งออกมาเป็นลบทั้ง 3 ครั้งเช่นกัน แต่ยังคงต้องกักตัวเฝ้าระวังอยู่ที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ต่อไปจนครบ 14 วัน
ส่วนที่ จ.ชัยภูมิ ล่าสุดพบมีเด็กอายุ 4 ขวบ ซึ่งเดินทางไปเยี่ยมพ่อกับมารดาที่ประเทศเกาหลี และกลับมาตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. แรกๆ ไม่มีอาการ กระทั่งวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมาเด็กมีอาการเป็นหวัด น้ำมูกไหล และเจ็บคอ ทางโรงพยาบาลชัยภูมิจึงแยกผู้ป่วยไว้ในห้องคัดแยกกับมารดา และนำตัวอย่างสารคัดหลั่งไปตรวจในห้องปฏิบัติการ ผลออกมาเป็นลบไม่พบเชื้อเมอร์ส และเด็กไม่มีไข้ อุณหภูมิในร่างกายวัดได้ 36 องศาเซลเซียส แต่ทั้ง 2 คนยังต้องกักตัวเฝ้าติดตามอาการจนครบ 14 วันก่อน
สำหรับญาติพี่น้องกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ทางบ้าน ขณะนี้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เข้าไปควบคุมโรคไว้แล้ว เนื่องจากเด็กอายุยังน้อย ยังไม่สัมผัสกับคนเป็นจำนวนมาก จึงไม่ยากต่อการติดตามโรค และขณะนี้อยู่ในช่วงเฝ้าระวัง
นพ.ธีรวัฒน์กล่าวอีกว่า ในการเฝ้าระวังนั้นยังได้ประสานความร่วมมือกับทางกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) 4 ในการเฝ้าระวังโรคตามแนวชายแดน ซึ่งในพื้นที่รับผิดชอบมีด่านผ่านแดนถาวร 1 แห่ง คือ ด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ขณะนี้ได้มีการติดประกาศแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์ 4 ภาษา ประกอบด้วย ไทย อังกฤษ เกาหลี และอาหรับ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบ และดำเนินการตรวจสอบเข้มงวดทุกคนที่เข้าออก พร้อมสอบประวัตินักท่องเที่ยวและตรวจโรค
โดยมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขประจำอยู่ในจุดผ่านแดนดังกล่าว 4 นาย สับเปลี่ยนกันเฝ้าระวังตรวจหาโรคเมอร์ส ซึ่งนักท่องเที่ยวทุกรายที่ผ่านการตรวจแล้วจะได้รับบัตร “Health Beware Card” ถือกลับไปด้วย โดยดำเนินการมากว่า 2 สัปดาห์แล้ว ล่าสุดยังไม่พบผู้ป่วยต้องสงสัยเป็นโรคเมอร์สแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ขอฝากประชาชนว่าอย่าตื่นตระหนกจนเกินไป โรคติดเชื้อไวรัสเมอร์สไม่ได้ร้ายแรงมากหรือเป็นแล้วตายทุกราย แต่สามารถป้องกันได้ โดยการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และกลุ่มเสี่ยงคือ ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60-65 ปีขึ้นไป รวมทั้งผู้เป็นโรคเบาหวาน ผู้ที่ป่วยด้วยโรคปอดอุดตันเรื้อรัง และผู้ป่วยมะเร็ง สุขภาพไม่แข็งแรง อย่าเดินทางไปในประเทศหรือพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคอย่างเด็ดขาด
“หากสงสัยว่าป่วยติดเชื้อไวรัสเมอร์สไม่ต้องเดินทางมาพบแพทย์ด้วยตนเองหรือขึ้นรถโดยสารประจำทางมา ขอให้โทร.แจ้ง 1669 จะมีรถพยาบาลออกไปรับผู้ป่วยถึงที่ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่สาธารณชน” นพ.ธีรวัฒน์กล่าว