อ่างทอง - เจ้าหน้าที่ชลประทาน พร้อมเจ้าหน้าที่เกษตรอ่างทอง ลงพื้นที่ชี้แจงชาวนาในอำเภอปาโมก เกี่ยวกับปัญหาเรื่องน้ำ หลังชลประทานต้องชะลอการจ่ายน้ำจนส่งผลกระทบต่อชาวนาที่ปลูกข้าวแล้ว ขณะที่ชาวนาโอดเดือดร้อนหนักเรื่องหนี้สิน
วันนี้ (19 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ชลประทาน พร้อมเจ้าหน้าที่เกษตรจังหวัดอ่างทอง ได้ลงพื้นที่บริเวณศาลาหลวงพ่อผอม หมู่ 8 ตำบลสายทอง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เพื่อทำการชี้แจ้งพร้อมหาแนวทางแก้ไขช่วยเหลือชาวนาในพื้นที่หลังประสบปัญหาภัยแล้ง น้ำต้นทุนในเขื่อนเหลือน้อย ชลประทานชะลอกการจ่ายน้ำทำนา เพื่อป้องความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นการขาดน้ำไปหล่อเลี้ยงต้นข้าวจนทำให้เกิดความเสียหาย พร้อมทำความเข้าใจกับเกษตรกรชาวนาที่ต้องการปลูกข้าวและขอความร่วมมือในการชะลอการปลูกข้าวนาปี โดยให้เลื่อนไปปลูกพร้อมกันในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม
นายอำนาจ เมืองเกตุ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงน้ำที่ 6 มหาราช เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาชี้แจ้งให้ชาวนาในตำบลสายทอง อำเภอป่าโมก ได้รับทราบถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนที่เหลือเพียงเล็กน้อยไม่เพียงพอให้เกษตรกรได้ลงมือปลูกข้าวทำนา ส่วนที่ได้ลงมือทำไปแล้วทางชลประทานจะดำเนินการหาทางส่งน้ำช่วยเหลือเพื่อให้ต้นข้าวได้เก็บเกี่ยว ผลผลิต ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ลงมือปลูกข้าวขอให้ชะลอการปลูกข้าวออกไปอีกสักระยะและจะได้ทำการลงมือเพราะปลูกพร้อมกันในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม
นายสำรวย กลัปดิษฐ์ อายุ 55 ปี ชาวนาในตำบลสายทอง อำเภอป่าโมก กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้ทางรัฐบาลมาดูแลให้การช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวนา หากเป็นไปได้อยากให้ลดหนี้ หรือผ่อนผันเรื่องเงินกู้และดอกเบี้ยของธนาคารเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส) ที่ชาวนาเป็นหนี้แต่ไม่มีเงินจ่ายเนื่องจากไม่ได้ทำนา
นายบุญช่วย เฉลิมไทย อายุ 52 ปี ชาวนาตำบลสายทอง อำเภอป่าโมก กล่าวว่าตนทำนาเช่าจำนวน 54 ไร่ ตอนนี้ต้องเสียรายจ่าย 2 ต่อคืออย่างแรกไม่ได้ทำนาและอย่างที่สองต้องเสียค่าเช่าที่นาและยังค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวและดอกเบี้ย ธ.ก.ส.อีก
ส่วนในพื้นที่ ตำบลโพธิ์ม่วงพันธ์ อำเภอสามโก้ จังหวัดอ่างทอง พบแปลงนาข้าวอายุประมาณ 2 เดือนกว่า 20 ไร่ที่บริเวณทุ่งนา หมู่ 5 ตำบลโพธิ์ม่วงพันธ์ อำเภอสามโก้ จังหวัดอ่างทอง กำลังยืนต้นตาย หากฝนไม่ตกลงมาและน้ำในคลองชลประทานจ่ายมาไม่ถึง คาดว่าไม่เกิน 10-15 วันนี้ข้าวคงยืนต้นตายหมดแน่
นางนันทา ฟองสมบูรณ์ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/1 หมู่ 5 ตำบลโพธิ์ม่วงพันธ์ อำเภอสามโก้ ชาวนาที่เดินดูนาข้าวของตัวเองที่ลงทุนปลูกไว้ 20 ไร่กำลังจะยืนต้นตายเพราะไม่มีน้ำที่จะมาหล่อเลี้ยงต้นข้าว เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศให้หยุดการทำนาเมื่อต้นปีที่ผ่านมาตนพร้อมครอบครัวได้แต่เฝ้ารอการทำนามานานหลายเดือนและเมื่อทางชลประทานได้จ่ายน้ำให้ทำนาเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา
ตนพร้อมครอบครัวจึงได้ไปกู้หนียืมสินมาลงทุนเร่งทำนาหวังการเก็บเกี่ยวผลผลิตนำไปเลี้ยงครอบครัว และต้องกลับมาทุกข์หนักอีกหลังทราบข่าวว่าชลประทานชะลอการจ่ายน้ำ ทำให้หมดหวังที่จะทำนาต่อ เนื่องจากพื้นที่นาของตนอายุประมาณ 2 เดือนแล้ว
“ตอนนี้ดินแตกระแหงต้นข้าวเหี่ยวเฉารอความตายเหมือนกับตนเองที่ต้องเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้นจากความผิดพลาดจากประกาศของชลประทานที่ให้ทำนา แต่ไม่มีน้ำมาให้ทำนา ตนเองลงทุนไปหลายหมื่นบาทแล้ว และต้องจ่ายหนีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) อีกทั้งต้นทั้งดอกและค่าใช้จ่ายในครอบครอบยังไม่รู้เลยว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรเมื่อขาดรายได้และเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้น”
ด้านสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ยังอยู่ในขั้นวิกฤต หลังน้ำในแม่น้ำสายต่าง ๆ ลดน้อยลง ประกอบกับฝนที่ทิ้งช่วงมานาน ทำให้ขณะนี้ข้าวนาปีของชาวนาในพื้นที่อำเภอท่าวุ้ง และอำเภอเมืองลพบุรีต้องประสบกับปัญหาภัยแล้งหนักที่สุดในรอบหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ชาวนาลงมือทำนาปีไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมในพื้นที่ทุ่งแก้มลิง เพื่อหนีน้ำท่วมในช่วงปลายปี แต่เพราะฝนไม่ตก น้ำจากชลประทานไม่มีระบายลงมาทำให้ข้าวนาปีของชาวนาขาดน้ำกำลังยืนต้นตายและดินแตกระแหงอย่างหนักจำนวนหลายร้อยไร่ในพื้นที่ 2 อำเภอ
ทั้งนี้ หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ คาดว่าข้าวน่าจะเสียหายทั้งหมดและชาวนาในทุ่งนี้จะไม่สามารถทำนาได้ในปีนี้อย่างแน่นอน เพราะหากทำนาปี หลังจากนี้จะไม่ทันกับช่วงน้ำหลากปลายปี ซึ่งจะทำให้ชาวนาเสียโอกาสไปอีก 1 ปี เพราะไม่สามารถทำนาได้ ทั้งนี้ ชาวนาเองยังไม่ทราบว่าจะไปประกอบอาชีพอะไรหรือทำอะไรทดแทนการทำนาในปีนี้ได้