ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เชียงใหม่ยังประสบภาวะภัยแล้งขาดแคลนน้ำต่อเนื่อง แถมเจอฝนทิ้งช่วงซ้ำเติม ชาวนาหลายรายต้องยกเลิกทำนาแล้วหันไปปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยอย่างอื่นทดแทน เช่น มะระจีน เป็นต้น พบเก็บผลผลิตขายสร้างรายได้ดียิ่งกว่าการทำนา
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า จากภาวะภัยแล้งที่ยาวนานต่อเนื่องและฝนที่ตกทิ้งช่วงนานส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มชาวนาที่จำเป็นต้องใช้น้ำจำนวนมากในการทำนา ซึ่งบางส่วนที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่ช่วงหน้าแล้งที่ผ่านมาจนไม่สามารถทำนาปรังได้ ประกอบกับราคาข้าวในช่วงก่อนหน้านั้นตกต่ำ จึงตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนนาข้าวไปปลูกพืชอื่นแทน เช่น ถั่ว ฟักทอง มะระ เป็นต้น ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้เป็นอย่างดี
นายเกลือแก้ว ถาพงยศ อายุ 58 ปี ชาวนาบ้านกลางพัฒนา ตำบลแม่แฝกใหม่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ที่หันมาปลูกมะระจีน เป็นพืชทดแทน เปิดเผยว่า ในช่วงหน้าแล้งที่ผ่านมามีน้ำไม่เพียงพอจึงได้เปลี่ยนพื้นที่นาข้าวที่มีอยู่ประมาณ 1 ไร่ เป็นแปลงปลูกผักด้วยการปลูกมะระจีนแทน เพื่อหารายได้เลี้ยงดูครอบครัว เนื่องจากในพื้นที่เกิดภาวะขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง หากทำนาข้าวอาจจะได้รับความเสียหาย และช่วงนั้นราคาข้าวตกต่ำด้วย จึงใช้พื้นที่ปลูกมะระจีนแทนเพราะเป็นพืชใช้น้ำน้อย
ทั้งนี้ในช่วงแรกต้องใช้เงินลงทุนสูงถึงไร่ละ 20,000 บาท เป็นค่าเมล็ดพันธุ์ และอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งสูงกว่าการลงทุนทำนาที่มีต้นทุนประมาณไร่ละ 5,000 บาท แต่การปลูกมะระจีนนั้น ต้องดูแลรักษาเอาใจใส่มากกว่าการทำนาหลายเท่า อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตขายสามารถทำรายได้ให้ถึง 50,000 กว่าบาท และเก็บผลผลิตได้ปีละ 2 ครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับข้าวที่ราคาไม่แน่นอนและต้องใช้น้ำจำนวนมากในการปลูก
สำหรับชาวนาที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยแล้งและมีปัญหาขาดแคลนน้ำนั้น นายเกลือแก้ว บอกว่า ควรพิจารณาหาทางแก้ไขปัญหาด้วยการปลูกพืชอย่างอื่นทดแทน
อย่างไรก็ตาม จำเป็นจะต้องมีการศึกษารายละเอียด เทคนิค วิธีการปลกพืชแต่ละชนิดให้ดี และมีวางแผนการปลูกไว้ล่วงหน้าด้วย โดยเฉพาะการหาตลาดรองรับผลผลิต ซึ่งถ้าหากสามารถทำได้แล้วก็สร้างรายได้ให้ไม่น้อยไปกว่าการทำนาข้าวเช่นกัน