ศูนย์ข่าวศรีราชา - เมืองพัทยา จับมืออีสท์วอเตอร์ กรุ๊ป วางแผนจัดการน้ำแบบครบวงจร เตรียมจัดสร้างโรงงานบำบัดน้ำมาตรฐานมูลค่ากว่า 1,000 ล้าน กรองน้ำเสียเมืองพัทยากว่า 65,000 ลบ.ม./วัน ส่งจ่ายภาคอุตสาหกรรมแหลมฉบัง หวังลดต้นทุนน้ำดิบและสร้างรายได้สู่ท้องถิ่น
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมืองพัทยา ร่วมกับบริษัทอีสท์วอเตอร์ จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการางแผนจัดการน้ำแบบครบวงจร ยกระดับเมืองท่องเที่ยวสู่ระดับพรีเมียม โดยมี นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ร่วมลงนามกับนายวิทยา ฉายสุวรรณ ประธานคณะกรรมการกลุ่มบริษัทอีสท์วอเตอร์ ท่ามกลางสมาชิกสภาเมืองพัทยา คณะผู้บริหารเมืองพัทยา ผู้บริหารบริษัทยูนิเวอร์แซล ยูทีลีตีส์ จำกัด และแขกผู้มีเกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน
นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้เป็นการเตรียมพร้อมโครงสร้างพื้นฐานระบบสาธารณูปโภคด้านน้ำให้เพียงพอได้มาตรฐาน และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงมีแนวคิดที่จะนำน้ำเสียจากภาคครัวเรือนที่เข้าสู่ระบบการบำบัดของเมืองพัทยานำกลับมาใช้ใหม่ในภาคอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของระบบน้ำเมืองพัทยาให้สามารถรองรับความต้องการใช้น้ำในอนาคตด้วยการลดระดับการใช้น้ำในแหล่งน้ำดิบธรรมชาติของภาคอุตสาหกรรมลงเพื่อให้เกิดปริมาณน้ำสะสมที่จะนำมาผลิตสู่ภาคครัวเรือนมากขึ้น โดยได้หารือร่วมกับบริษัทอีสท์วอเตอร์ ให้ช่วยวางระบบการจัดการน้ำแบบครบวงจร เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน ในขณะเดียวกัน ก็สามารถลดปัญหามลพิษทางน้ำที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามมา
โดยมีแผนจะศึกษาการนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดของเมืองพัทยา จำนวนกว่า 65,000 ลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งที่ผ่านมา ได้ปล่อยระบายลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติอย่างไร้ประโยชน์ มาทำการ Recycle โดยนำหลัก 3 R มาใช้ ประกอบด้วย Reduce Reuse และ Recycle เพื่อให้น้ำมีคุณภาพสูงตามขั้นตอนมาตรฐานก่อนส่งต่อน้ำที่ได้ไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งใน 5 ปีข้างหน้าจะสามารถบำบัดน้ำเสีย และกลับมาใช้ได้ถึง 200,000 ลบ.ม.
นอกจากนี้ ประโยชน์อีกประการที่เมืองพัทยาจะได้รับคือ เรื่องของค่าธรรมเนียมซึ่งจะได้จากการจำหน่ายน้ำเข้าสู่ระบบกรองของทางโครงการ ซึ่งจะทำการก่อสร้างโรงงานในพื้นที่ 80 ไร่ ซอยหนองใหญ่ ซึ่งเป็นจุดทำการของระบบบำบัดน้ำเสียของเมืองพัทยา โดยปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษา และกำหนดอัตราค่าน้ำจากคณะกรรมการจัดหาประโยชน์ ซึ่งคงจะทราบผลได้ในเร็ววันนี้
ด้าน นายวิทยา ฉายสุวรรณ ประธานคณะกรรมการกลุ่มบริษัทอีสท์วอเตอร์ กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ของบริษัทในการบริหารจัดการระบบน้ำประปา บำบัดน้ำเสีย และน้ำ Recycle รวมถึงศักยภาพด้านการเงิน และความเชี่ยวชาญ ทางบริษัทจึงมีความพร้อมให้บริการและขยายงานสู่พื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศเพื่อตอบสนองนโยบายกระทรวงมหาดไทย โดยการดำเนินการโครงการดังกล่าวได้มีการศึกษาแล้วคาดว่าในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้น่าจะได้ข้อสรุป
โดยการดำเนินการวางแผนจัดการน้ำแบบครบวงจรจะใช้งบประมาณการลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยจะรับน้ำที่ผ่านการบำบัดเบื้องต้นจากเมืองพัทยา มาทรีตตามขั้นตอนในระบบ RO ในปริมาณ 65,000 ลบ.ม./วัน ซึ่งจะได้น้ำบริสุทธิ์ประมาณ 30,000 ลบ.ม./วัน ก่อนส่งผ่านตามท่อที่จัดทำใหม่โดยเฉพาะ รวมกับน้ำที่ผันจากแหล่งน้ำดิบในจังหวัดระยอง อย่างหนองปลาไหล ดอกกราย อีก 10,000 ลบ.ม./วัน ไปยังโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ซึ่งปัจจุบันได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกลุ่ม ปตท.และบริษัทในเครือฯ จากนั้นจึงจะทำสัญญาการจัดซื้อ และดำเนินการส่งต่อเพื่อเข้าสู่ระบบของโรงงานต่อไป
สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างเมืองต้นแบบที่มีการจัดการน้ำอย่างครบวงจรสามารถ สร้างความมั่นคงของแหล่งน้ำ ลดการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ลดความเสี่ยง และความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ภัยแล้ง ลดปริมาณน้ำเสียที่ปล่อยลงสู่ทะเล ตลอดจนใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดจากการนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับมาใช้ใหม่ ภายใต้โครงการเมืองสวยใส ไร้มลพิษ