ศูนย์ข่าวศรีราชา - กนอ.สั่งปิดโรงงานผลิตยางรถยนต์ 30 วัน พร้อมสั่งทีมเฝ้าระวังปัญหามลพิษทางน้ำ-อากาศ เบื้องต้น มีชาวบ้านได้รับผลกระทบบ้างแล้ว ส่วน ตร.ยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบได้เพราะไฟยังคุกรุ่นอยู่ เบื้องต้น ค่าความเสียหายประมาณ 40-50 ล้านเหรียญสหรัฐ เผยเป็นเพียงโกดังเก็บยางรถยนต์เท่านั้น ส่วนเครื่องจักรไม่เสียหายพร้อมผลิตได้ทันทีหากได้รับอนุญาต
วันนี้ (2 ก.พ.) ที่ห้องประชุมบริษัท แอลแอลไอที (ประเทศไทย) จำกัด (หลิงหลง) เลขที่ 911/9 หมู่ 5 ต.เขาคันทรง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด ได้มีการแถลงข่าวความคืบหน้าการเกิดเพลิงไหม้โดกังเก็บยางของบริษัทฯ ดังกล่าว โดยมี ดร.วีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) นายพรชัย ถมกระจ่าง นายอำเภอศรีราชา พ.ต.อ.นิวัต ตระกูลดี พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.บ่อวิน พ.ต.มานท์ โชติพินิจ รอง ผบ.บก.ควบคุม ร.21 พัน 3 รอ. กำนัน ผู้ใหญ่บาน พร้อมด้วยนายหลิว ชิง เหวิน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท แอลแอลไอที (ประเทศไทย) จำกัด ประจำสาขาประเทศไทย โดยมีสื่อมวลชนทุกแขนงร่วมฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้จำนวนมาก
ดร.วีรพงศ์ กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้โกดังเก็บยางรถยนต์ของบริษัท แอลแอลไอที (ประเทศไทย) จำกัดนั้น ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียงพร้อมรถดับเพลิงจำนวนมาก จนสามารถควบคุมเพลิงอยู่ในวงจำกัด และไม่ขยายพื้นที่ไปสู่โรงงานอื่นๆได้ แต่ยังคงมีกลุ่มควันคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้ แต่คาดว่าภายในวันนี้ หรือพรุ่งนี้คงจะเป็นที่เรียบร้อย
เบื้องต้น ทาง กนอ.ได้สั่งปิดโรงงานดังกล่าวตาม พ.ร.บ.โรงงาน เป็นเวลา 30 วันเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยอาคาร และอากาศ ให้เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี ตรวจสอบน้ำภายในโรงงานนำไปบำบัด ส่งเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอันตรายจากสารพิษทางอากาศ พร้อมส่งทีมชุมชนสัมพันธ์ทำการชี้แจง และสร้างความเข้าใจต่อชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องวิตกกังวลอะไรมาก เนื่องจากสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้แล้ว ส่วนใครได้รับผลกระทบสามารถแจ้งในที่สำนักงาน กนอ.เพื่อช่วยเหลือต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.นิวัต กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด เนื่องจากยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในจุดเกิดเหตุได้ เพราะเพลิงยังไม่สงบ คาดภายใน 1-2 วันนี้ หากสถานการณ์ที่ขึ้นพร้อมจะเข้าไปตรวจสอบในทันที
ส่วนนายหลิว ชิง เหวิน กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า สร้างความเสียหายประมาณ 40-50 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมียางรถยนต์สำเร็จรูปที่พร้อมจะส่งไปยังตลาดต่างประเทศเสียหาย จำนวน 7-8 แสนเส้น แต่ตัวโรงงานผลิตได้ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด โดยที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ คือ โกดังเก็บยางรถยนต์เท่านั้น โดยหากได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่รับผิดชอบก็สามารถผลิตได้ทันที
ส่วนที่มีสื่อมวลชนเสนอข่าวว่า มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บหลายรายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งในความเป็นจริงขอยืนยันว่า ไม่มีใครเสียชีวิต และบาดเจ็บแต่อย่างใด โดยทางโรงงานขอให้มีการแก้ข่าวให้ด้วยก็จะขอขอบคุณอย่างมาก
นายวิชา ปันดี ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท แอลแอลไอที (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับพนักงานบริษัทนั้นขณะนี้ยังรับค่าแรงตาม พ.ร.บ.กฎหมายแรงงาน แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องดูรายละเอียดในข้อกฎหมายอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือพนักงานที่มีทั้งสิ้นประมาณ 600 คน
ด้าน นายนายชำนาญ นาคทั่ง กำนันตำบลเขาคันทรง กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นคาดว่ามีชาวบ้านในพื้นที่บ้านมาบยางพร ปลวกแดง และบ่อวินบางส่วน คงได้รับผลกระทบจากควันไฟ และสารเคมีจากยางรถยนต์เหล่านี้ ซึ่งขณะนี้ก็มีชาวบ้านบางรายโทรศัพท์แจ้งมายังตน และตนได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมทราบไปแล้ว และคงจะลงไปตรวจสอบให้ในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ทาง กนอ. ได้ดำเนินการปิดกั้นรางระบายน้ำบริเวณโดยรอบบริษัทฯ ที่เกิดเหตุ เพื่อไม่ให้น้ำจากการดับเพลิงไหลออกสู่ภายนอกได้ และจะนำไปบำบัดตามกระบวนการมาตรฐานอย่างถูกวิธีต่อไป และ ผลจากการตรวจวัดคุณภาพอากาศ (สถานีเหมราชฯ) พบว่าค่าเฝ้าระวังหลัก ฝุ่น/ SO2, NO2 สูงขึ้นแต่ยังไม่เกินค่ามาตรฐาน
นอกจากนี้ กนอ. ได้จัดส่งรถ Mobile Unit สำหรับตรวจวัดคุณภาพอากาศ จากนิคมฯ มาบตาพุด จังหวัดระยอง ไปยังพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบ เฝ้าระวัง คุณภาพอากาศและช่วยสร้างความมั่นใจให้กับชุมชนที่อยู่โดยรอบโรงงานดังกล่าว