ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านโวยครบกำหนดให้ผู้ติดเชื้อเอดส์ในกระท่อมพระสิริออกนอกพื้นที่ แต่เรื่องยังไม่คืบ ยันให้เวลาอีก 7 วันก่อนใช้มาตรการกดดัน พร้อมวอนสังคมเข้าใจต้องอยู่อาศัยด้วยความหวาดระแวง ด้านมูลนิธิแจงพร้อมนำออกจากพื้นที่หากได้ทำเลที่เหมาะสม แต่ยืนยันยังใช้พื้นที่เดิมทำสำนักงานเพื่อการกุศลต่อ
ภายหลังจากที่กลุ่มชาวบ้านชุมชนหลังเนิน ม.3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ลงประชามติให้มูลนิธิกระท่อมพระสิริ ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อเอชไอวีระยะสุดท้าย ปัจจุบันมีผู้ป่วยพำนักอยู่ประมาณ 30 ชีวิต ย้ายออกไปจากที่ชุมชนโดยไม่มีข้อแม้ภายใน 6 เดือน ซึ่งครบกำหนดนวันที่ 12 มิ.ย.58 เพราะหลังจากมูลนิธินำผู้ป่วยมาพำนัก ส่งผลให้เศรษฐกิจของชุมชนได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มที่พักอาศัยส่วนใหญ่ต่างพากันย้ายออกเพราะหวั่นปัญหาการติดโรค ซึ่งที่ผ่านมา ทางภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงว่าสามารถอยู่ร่วมกันได้ก็ตาม แต่ชาวบ้านก็ยังคงยืนกรานให้กลุ่มผู้ป่วยย้ายออกจากพื้นที่ พร้อมปักป้ายเรียกร้องให้รัฐเข้ามาจัดการอย่างเร่งด่วน โดยจะใช้มาตรการกดดันทุกหนทาง หากยังคงดื้อดึง
ล่าสุด สายวันนี้ (12 มิ.ย.) ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จากทางมูลนิธิ ต่อมาชาวบ้านจึงมารวมตัวกันยังที่ทำการชุมชน พร้อมแจ้งความประสงค์ผ่านสื่อว่า ทุกอย่างต้องมีความชัดเจนโดยเร็ว พร้อมยืนยันให้ทางมูลนิธิเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากพื้นที่ภายใน 7 วัน หลังครบเวลาที่กำหนดไว้แล้ว
นางอารมณ์ คงดอก อายุ 49 ปี กล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ว่า ปัจจุบันครบกำหนดตามลการลงมติแล้ว แต่ทางมูลนิธิก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว เรื่องนี้คงยอมไม่ได้ และจะเดินหน้าให้ถึงที่สุดเพื่อให้ผู้ป่วยเหล่านี้ออกไปจากชุมชน อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนเข้าใจความกังวลของชาวบ้านที่อยู่ใกล้มูลนิธินี้ด้วยว่ารู้สึกอย่างไร ที่ผ่านมา ทุกคนในชุมชนเข้าใจดีว่าโรคนี้ไม่ติดต่อกันง่ายๆ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของเศรษฐกิจ ปัญหากลิ่น น้ำเสีย ความหวาดระแวง และความรู้สึกมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แม้สังคมอาจมองว่าชุมชนไม่ให้โอกาสผู้ป่วยแต่ก็อยากให้ลองมาเป็นชาวบ้านดูบ้าง จะได้รับรู้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ดังนั้น ทุกคนจึงมีความต้องการที่จะให้ผู้ป่วยย้ายออกไปภายใน 7 วันแน่นอน
ด้าน น.ส.จันทร์สุดา กิ่งแก้ว อายุ 27 ปี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางมูลนิธิก็หลอกลวง แสร้งว่ามีทำกิจกรรมของเด็ก และเยาวชน แต่พอเวลาผ่านไปก็ย้ายผู้ป่วยมาพำนัก สร้างความหวาดวิตกให้แก่ชาวบ้านอย่างมากจนเกิดปัญหา ซึ่งกรณีนี้ใครไม่ได้รับผลกระทบคงไม่รู้ ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานได้มาสร้างความเข้าใจเรื่องผู้ป่วยเอดส์ ชาวบ้านเองก็ทราบดีเกี่ยวกับเรื่องของโรคติดต่อ แต่ก็เป็นเรื่องลำบากต่อจิตใจที่จะให้อยู่ร่วมกัน และที่ผ่านมา เทศบาลเมืองหนองปรือได้เข้ามาช่วยหาสถานที่แห่งใหม่ให้ผู้ป่วยไปพำนักแล้ว แต่ทางมูลนิธิก็ปฏิเสธ โดยบอกว่าห่างไกลชุมชน โรงพยาบาล และอยู่ใกล้ที่ทิ้งขยะ จากนั้นก็ไม่หาที่ใหม่ แถมยังจัดสร้างอาคารเพิ่มเติม แล้วมาแจ้งว่าไม่มีเงิน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าต้องขนย้ายผู้ป่วยออกจากพื้นที่ หากไม่ดำเนินการก็จะมีมาตรการกดดันที่เข้มข้นต่อไป
ขณะที่ นางพรสวรรค์ คริสต์ภิรักษ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิกระท่อมพระสิริ กล่าวว่า ไม่เจตนาจะมีปัญหาต่อชุมชน เพราะที่ผ่านมา ก็พยายามแก้ไขอย่างต่อเนื่อง อย่างผู้ป่วยเองก็นำเข้ามาพำนักเพียง 27 ราย ทั้งที่สามารถรองรับได้ถึง 60 ราย แต่เมื่อชุมชนไม่สบายใจ มูลนิธิก็ยินดีย้ายตามคำร้องขอ เพียงแต่ที่ดินที่ทางเทศบาลจัดหาให้ในช่วงที่ผ่านมาไม่เหมาะสม จึงร้องขอให้มีการจัดหาที่แห่งใหม่ โดยมีการลงนามร่วมกันว่าจะขนย้ายผู้ป่วยออกอย่างแน่นอน โดยที่ดินแห่งใหม่ยังคงอยู่ในหมู่ 14 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง ซึ่งทางเทศบาลพร้อมสนับสนุนจัดหางบประมาณให้ 3 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินขนาด 2 ไร่ โดยจะมีการลงสำรวจภายใน 1-2 วันนี้ จากนั้นก็จะร่วมกันจัดหางบประมาณเพื่อจัดสร้างอาคาร และขนย้ายผู้ป่วยไปพำนักต่อไป แต่ก็คงต้องใช้ระยะเวลาสักพัก ส่วนที่ดินเดิมที่มีปัญหานั้นทางมูลนิธิได้วางมัดจำเพื่อจัดซื้อไปแล้ว ก็ยังคงไว้ในการจัดทำสำนักงานเพื่อเด็กและเยาวชนต่อไป โดยจะไม่นำผู้ป่วยเข้ามาพำนักอีก
“อยากถามผ่านไปว่าที่ผ่านมาเราไม่เคยไม่สร้างปัญหาให้ใคร แต่การมาขับไล่เราออกจากที่ดินของเราเองนั้นถูกต้องหรือไม่ ทุกวันนี้ก็ยอมให้การนำผู้ป่วยออกไปพำนักด้านนอกแล้ว แต่ยังคงต้องจัดทำสำนักงานต่อไป หากไม่ยินยอมอีกก็คงต้องว่ากันไปตามกระบวนการ”