อุดรธานี - ชาวบ้านในตำบลสามพร้าว อ.เมืองอุดรฯ โวยเงินออม 30 ล้าน ของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านสามพร้าว ล่องหน สมาชิกยื่นกู้แห้วไปตามๆ กัน เผยเหรัญญิกไม่นำเงินออมที่เหลือจากให้กู้ก่อนหน้านี้ไปฝากแบงก์ ซ้ำไม่รับผิดชอบ ล่าสุด คณะกรรมการขอเวลาสมาชิก 2 วัน ตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายก่อนแจ้งสมาชิกทราบ ขณะเดียวกัน ได้แจ้งความสอบเอาผิดบุคคลต้องสงสัยยักยอกเงินแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มชาวบ้านสามพร้าว ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี กว่า 200 คน ได้เดินทางไปที่สำนักงานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านสามพร้าว เพื่อมาขอถอนเงินฝากออกจากบัญชีออมทรัพย์ หลังทราบว่า กรรมการกลุ่มออมทรัพย์ไม่มีเงินให้สมาชิกถอน
นางบุญมี บ่อคำเกิด อายุ 58 ปี สมาชิกเปิดเผยว่า ตนเป็นสมาชิกตั้งแต่ปี 2544 ตอนนี้มีเงินฝากแล้วกว่า 6 แสนบาท ทุกๆ ปีตนจะได้เงินปันผล ระยะแรกได้เงินปันผล 9 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ตนเห็นว่าได้ดอกเบี้ยดีจึงนำเงินมาฝาก โดยชาวบ้านคนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม 4 ปีก่อนหน้านี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการใหม่ มีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดมีสมาชิกประมาณ 1,300 คน ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สมาชิกต้องการที่จะถอนเงิน และกู้เงิน แต่คณะกรรมการก็บอกต่อสมาชิกว่า ไม่มีเงิน และไม่สามารถให้คำตอบสมาชิกได้ว่าเงินออมหายไปไหน จึงเป็นเหตุให้วันนี้สมาชิกจำนวนมากเดินทางมาถอนเงิน
ด้าน นายสิน อ่อนบุญ อายุ 74 ปี ประธานกลุ่มออมทรัพย์ เปิดเผยว่า สมาชิกกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านสามพร้าว ปัจจุบันมีอยู่จำนวนมากว่า 1,300 คน โดยการบริหารงานของกลุ่มออมทรัพย์มีทั้งฝ่ายออมทรัพย์ และฝ่ายสินเชื่อ ฝ่ายออมทรัพย์มีหน้าที่รับฝาก ฝ่ายสินเชื่อมีหน้าที่จ่ายเงินกู้ เมื่อชาวบ้านนำมาฝากผ่านออมทรัพย์ จะนำเงินมาให้ฝ่ายสินเชื่อ เพื่อให้สมาชิกู้เงินที่เหลือจากการปล่อยสินเชื่อ เหรัญญิกจะนำไปฝากบัญชีกลาง
จากการประชุมคณะกรรมการ สรุปว่า คณะกรรมการได้ทำการตรวจสอบบัญชีพบว่า คนที่ทำหน้าที่เป็นเหรัญญิกปัจจุบันไม่นำเงินไปฝากบัญชีกลาง ที่เปิดบัญชีไว้กับธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเงินหายไปจำนวนกว่า 30 ล้านบาท มีเงินคงเหลืออยู่ในบัญชี 3 ล้านบาท
แต่เหรัญญิกไม่ยอมรับ ได้โยนให้คณะกรรมการกลุ่มฝ่ายออมทรัพย์ จำนวน 10 คน รับผิดชอบร่วมกัน ตน และคณะกรรมขอตรวจสอบบัญชีรายรับ รายจ่าย ทั้งฝ่ายออมทรัพย์ และฝ่ายสินเชื่อ โดยจะใช้เวลา 2 วัน และจะแจ้งให้สมาชิกทราบ แต่ก็ได้ไปแจ้งความตำรวจให้สอบสวน และดำเนินคดีต่อผู้ที่ยักยอกเงินไปแล้ว
นายบุญศรี อ่อนบุญ ผช.ผญบ.สามพร้าว หมู่ 1 ต.สามพร้าว ซึ่งเป็น 1 ใน 20 คณะกรรมการเปิดเผยว่า ตนเป็นกรรมการที่ไม่ได้ดูแลระบบบัญชีรายรับ รายจ่าย ขณะนี้คณะกรรมการที่ดูแลระบบบัญชี จำนวน 10 คน ได้ประชุมหารือ และขอเวลา 2 วัน แล้วจะมาให้คำตอบสมาชิกว่าเงินจำนวนดังกล่าวหายไปไหน แต่อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ และสมาชิกจะดำเนินคดีต่อผู้ที่ยักยอกเงินดังกล่าวไปจนถึงที่สุด