บุรีรัมย์ - พัฒนาชุมชนจ.บุรีรัมย์ และ จนท.ตรวจบัญชีสหกรณ์ เร่งตรวจสอบระบบบัญชีกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านตะโก หลังสมาชิกร้องเรียนไม่สามารถถอนเงินฝากและเงินออมได้ เกรงว่าจะมีการทุจริต แห่เข้าแจ้งความแล้วกว่า 700 ราย เบื้องต้นพบขาดทุน 12 ล้าน ทั้งพบหลายกิจกรรมไม่ได้นำเงินเข้าบัญชี
วันนี้ ( 15 พ.ค.) เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาชุมชน และเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ เร่งเข้าตรวจสอบระบบบัญชีของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านตะโก ต.อีสานเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ หลังสมาชิกกว่า 500 คนได้รวมตัวประท้วงหน้าที่ทำการกลุ่มออมทรัพย์ เนื่องจากไม่สามารถถอนเงินฝากสัจจะออมทรัพย์ และเงินฝากสัจจะพิเศษได้ สร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกทั้งเกรงว่าคณะกรรมการจะมีการทุจริต ซึ่งล่าสุดสมาชิกได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติแล้วกว่า 700 ราย จากที่มีสมาชิกทั้งหมดกว่า 4,000 คน พร้อมเรียกร้องให้ตรวจสอบบัญชี
ทั้งนี้ หลังจากการตรวจสอบบัญชีของเจ้าหน้าที่ พบว่ากลุ่มออมทรัพย์ดังกล่าวมีการดำเนินกิจการในเชิงธุรกิจอยู่ 15 กิจการ ในจำนวนนี้มี 5 กิจกรรม ไม่ได้นำเงินเข้าระบบบัญชีและไม่มีการชี้แจงรายรับ-รายจ่ายให้กับสมาชิกทราบ
นอกจากนั้นยังพบว่าทางกลุ่มได้จ่ายเงินปันผลให้กับสมาชิกสูงเกินความเป็นจริงถึง 24 % จึงทำให้กลุ่มออมทรัพย์ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง และทำให้ขาดทุนสะสมมาอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนเงินกว่า 12 ล้านบาท ปัจจุบันมีทรัพย์สินทั้งเงินสดและอสังหาริมทรัพย์อยู่กว่า 18 ล้านบาท
ในขณะนี้ทางสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดได้ให้เหรัญญิกทั้ง 26 คน ที่ดูแลและเก็บเงินจากสมาชิกได้รวบรวมยอดเงินออมทรัพย์และเงินฝากสัจจะพิเศษของสมาชิกทั้งหมด มาเพื่อเปรียบเทียบว่าตรวจบัญชีรายรับ-รายจ่ายที่มีการตรวจสอบแล้วหรือไม่ ก่อนที่จะเรียกตัวแทนสมาชิก และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มาสอบถามเพื่อหาข้อเท็จจริงปัญหาที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
นายปรีชา พรหมบุตร พัฒนาการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นของกลุ่มออมทรัพย์ดังกล่าว เกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของคณะกรรมการ ทั้งการจัดทำระบบบัญชี การจ่ายเงินปันผลที่สูงเกินความเป็นจริง จนทำให้กลุ่มขาดสภาพคล่องและขาดทุนสะสมมาตลอด โดยไม่มีการปรับปรุงแก้ไขและแจ้งให้สมาชิกทราบ
ส่วนจะมีการทุจริตหรือยักยอกเงินตามที่สมาชิกร้องเรียนหรือไม่นั้น ต้องรอให้มีการตรวจสอบบัญชีแล้วเสร็จ หากพบมีการทุจริตจริงก็ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ที่จะดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
