น่าน - ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนชุมชนไตรคามราษฎร์บำรุง เมืองน่าน พร้อมใจกันลงแรงช่วยปรับสภาพแวดล้อมโรงเรียนรับแนวทางการเรียนการสอบแบบ BBL หลังใช้มาเทอมเดียวเริ่มเห็นผล ผอ.โรงเรียนฯ เผยเดิมมีเด็กอ่านไม่ได้ 20% วันนี้เด็ก 100% อ่านออก เขียนได้ เรียนดีขึ้น
วันนี้ (5 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนชุมชนไตรคามราษฎร์บำรุง ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา จ.น่าน ได้ร่วมระดมกำลังช่วยกันซ่อมแซม ทาสีโต๊ะ เก้าอี้ และปรับสภาพห้องเรียน สนามกีฬา รวมทั้งสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้สวยงาม เข้ากับการเรียนการสอนในรูปแบบ BBL (การเรียนรู้แบบ Brain-Based Learning) โดยหวังสามารถช่วยเสริมพัฒนาการ เพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ของบุตรหลานได้ดียิ่งขึ้น
นายพนม พรหมรักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนไตรคามราษฎร์บำรุง กล่าวว่า โครงการโรงเรียน BBL เป็นนโยบายหลักของผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 2 ที่ต้องการนำมาแก้ปัญหาเรื่องการอ่านการเขียนไม่ได้ตามเกณฑ์วัย โดยเฉพาะโรงเรียนห่างไกล
ซึ่งทางโรงเรียนชุมชนไตรคามราษฎร์บำรุงก็ประสบปัญหานี้อยู่ โดยร้อยละ 20 ของนักเรียนทั้งหมดอ่านหนังสือไม่ค่อยได้ แต่หลังจากเข้าร่วมโครงการมาได้ระยะหนึ่ง เริ่มจากการปรับสภาพห้องเรียนให้มีสีสันสวยงาม ได้แก่ โต๊ะ เก้าอี้ สื่อการเรียนรู้ เพื่อจูงใจให้เด็กๆ อยากมาโรงเรียน และการเรียนด้วยสิ่งแวดล้อมที่แปลกใหม่ ช่วยกระตุ้นให้เด็กสามารถเรียนรู้ และจดจำเนื้อหาที่เรียนได้ดีขึ้น เปลี่ยนสนามเด็กเล่นให้มีฐานกิจกรรมหลากหลาย เพื่อพัฒนาสมอง-ไขสันหลังให้แข็งแกร่ง เพราะถ้าเด็กได้ออกกำลังกายร่างกายจะส่งเลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งนำสื่อและนวัตกรรมที่แปลกใหม่ น่าตื่นเต้น มีสีสันมาใช้ในการสอน กระตุ้นสมองน้อย สมองสองซีก และสมองทั้งสี่ส่วน เพื่อให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพสูงสุด
“เราพบการเปลี่ยนแปลงในเด็กนักเรียนว่า มีสมาธิ มีความตั้งใจ สนใจการเรียนการสอน และเมื่อสอบวัดผลก็พบว่าเด็กนักเรียน 100 เปอร์เซ็นต์อ่านออก เขียนได้ และมีเกณฑ์การเรียนที่ดีขึ้น”
นายสมบัติ อินเป้า อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 4 บ้านหนองม่วง ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา จ.น่าน หนึ่งในผู้ปกครอง เปิดเผยว่า หลังทางโรงเรียนได้นำรูปแบบการเรียนรู้แบบ Brain-Based Learning หรือ BBL เข้ามาใช้ในโรงเรียนได้ 1 ภาคเรียน เห็นการเปลี่ยนแปลงของลูกสาวที่กระตือรือร้นจะมาโรงเรียนเองในทุกเช้า และเมื่อกลับมาบ้านหลังเลิกเรียนจะร่าเริง อีกทั้งยังมีสมาธิ เข้าใจในบทเรียน และการเรียนดีขึ้น ผิดกับการเรียนการสอนในรูปแบบเดิมที่เด็กจะเครียด ซึ่งผู้ปกครองหลายรายเห็นว่าโครงการที่ทางโรงเรียนกำลังทำเกิดประโยชน์แก่บุตรหลาน จึงสนับสนุน และเข้ามาช่วยกันปรับปรุง
