นครพนม - อนาถ! คุณยายวัย 86 ปีชาวเมืองนครพนมเหยื่อนายทุนโหดสิ้นลมแล้ว เผยขอกู้เงิน 2 แสนบาทกลับถูกเจ้าหนี้ใช้เล่ห์ยื่นฟ้องเป็นหนี้ 4 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอีก 2.4 ล้านบาท สุดท้ายตกเป็นคนเร่ร่อนกว่า 6 ปี ขณะที่เหยื่อนายทุนโหดรายอื่นวอนหน่วยงานรัฐช่วยเหลือ
วันนี้ (4 มิ.ย. 58) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากญาติของคุณยายบังอร ค่ำคูณ วัย 86 ปี ซึ่งตกเป็นเหยื่อนายทุนหน้าเลือดรีดดอกเบี้ยโหดว่า ยายบังอรได้เสียชีวิตลงแล้ว หลังเข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครพนม และดีเอสไอ เพื่อขอความเป็นธรรมมานานกว่า 4 ปี ก่อนจะกลายเป็นคนเร่ร่อนไร้บ้านอาศัย หลังถูกเจ้าหนี้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องขับไล่ที่อยู่อย่างไร้มนุษยธรรม จึงเดินทางไปตรวจสอบที่วัดภูเขาทอง ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม พบศพนางบังอร ค่ำคูณ ตั้งบำเพ็ญกุศลโดยมีญาติพี่น้อง ลูกหลาน ครูอาจารย์ และลูกหนี้ของนายทุนคนเดียวกันกว่า 50 คน เดินทางไปฟังพระสวดศพไว้อาลัยเป็นคืนสุดท้าย ท่ามกลางความเศร้าสลดและเสียงวิพากษ์วิจารณ์
นายรุ่งโรจน์ ค่ำคูณ วัย 68 ปี บุตรชายคุณยายบังอร กล่าวว่า มารดาได้เสียชีวิตลงตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ที่ จ.สมุทรปราการ หลังเป็นหนี้นอกระบบนายทุนใจโฉดบริษัทแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครพนม ก่อนหน้านั้นได้นำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไปจำนอง 200,000 บาท ผ่านมากว่า 10 ปี ดอกเบี้ยท่วมต้นเป็นเงิน 4,000,000 บาท เจ้าหนี้ฟ้องศาลไล่ที่จนต้องหนีไปอาศัยอยู่กับตน ซึ่งทำงานเป็น รปภ.บริษัทแห่งหนึ่ง ทั้งที่มารดาไม่เคยเป็นโรคอะไร และไม่เคยเข้าโรงพยาบาลมาก่อน
นางจันทร์เพ็ญ ผ่านจังหาญ อายุ 57 ปี หลานนางบังอรเหยื่อนายทุนโหด กล่าวว่า เมื่อ 10 กว่าปีก่อนคุณยายนำโฉนดที่ดิน น.ส.3 เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน ติดถนนสายนครพนม-สกลนคร เยื้องโรงเรียนเมืองนครพนม ไปจำนองกับนายทุนใหญ่ในตัวเมือง โดยเจ้าหนี้ให้คุณยายเซ็นใส่กระดาษที่ยังไม่กรอกรายละเอียด
กระทั่งปี 2552 เจ้าหนี้ฟ้องศาลบังคับคดีไล่ที่ และนำเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคุมตัวคุณยายและบุตรชายไว้ที่โรงพัก ก่อนจะนำรถแบ็กโฮมารื้อบ้านทำเป็นโชว์รูมจำหน่ายรถจักรยานยนต์ จนทำให้คุณยายไร้ที่พักอาศัย ต้องเร่ร่อนไปอยู่กับบุตรชายคนโต
แหล่งข่าวลูกหนี้ 1 ใน 28 รายที่เป็นหนี้นายทุนคนเดียวกันระบุว่า เดือน พ.ย. 2554 ศาลพิพากษาให้คุณยายบังอรชดใช้หนี้ 4 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 2.4 ล้านบาท โดยคุณยายกู้ยืม 2 ครั้ง ครั้งละ 1 แสนบาท รวมเป็นหนี้ 2 แสนบาท แต่ข้อพิรุธคือ หลังถูกเจ้าหนี้ฟ้องกลับพบข้อความในสัญญาเป็นหนี้ถึง 4 ล้านบาท กระทั่งมีการขายทอดตลาดในราคา 1.3 ล้านบาท จากราคาประเมิน 1.2 ล้านบาท สุดท้ายเจ้าหนี้ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องก็ไปซื้อเอาจากกรมบังคับคดี
ก่อนหน้านี้ลูกหนี้กว่า 20 รายจะเดินขบวนชูป้ายไปร้องเรียนดีเอสไอ ภาค 4 ที่ชวนชมโขง เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 58 ที่ผ่านมา เพื่อร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือด้านคดี แต่เจ้าหนี้กลับไม่ยอมมาไกล่เกลี่ยกับลูกหนี้ที่เหลือใน 3 ตำบล ยอดหนี้สูงกว่า 20 ล้านบาทที่เดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบจากนายทุนใช้เล่ห์เหลี่ยมทางกฎหมาย มีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก