ยธ.-ทหาร-ตร.-ป.ป.ท.ผสานกำลังบุกตรวจ “คีรีมายารีสอร์ท” บนเนื้อที่กว่า 1,696 ไร่ หลังพบข้อมูลการออกเอกสารสิทธิมิชอบ พบมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เบื้องต้นบุกรุกลำรางน้ำสาธารณะ 164 ไร่ และรุกพื้นที่สาธารณะ 94 ไร่ ด้านผู้บริหารโครงการอ้างซื้อมาจากกรมบังคับคดี และบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์
วันนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ จ.นครราชสีมา พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.อ.สมหมาย บุษบา คณะทำงานด้านกฎหมาย กองทัพภาคที่ 2 พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบแปลงที่ดินของบริษัท คีรีมายา จำกัด บนเนื้อที่กว่า 1,696 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนธนะรัชต์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าวว่า ในการลงพื้นที่วันนี้เพื่อตรวจสอบพื้นที่ของบริษัท คีรีมายา จำกัด ในประเด็นการออกเอกสารสิทธิที่ไม่ถูกต้อง และพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แม้ว่าทางบริษัท คีรีมายา จำกัด จะมีเอกสารสิทธิถูกต้อง แต่หากพบว่ามีการทำผิดกฎหมายก็จะต้องดำเนินการเพิกถอนตามกฎหมาย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบแผนที่ทางอากาศเบื้องต้นพบว่ามีการบุกรุกลำรางน้ำสาธารณะจำนวน 164 ไร่ และรุกพื้นที่สาธารณะ 94 ไร่
สำหรับการตรวจสอบพื้นที่บริเวณลำรางน้ำสาธารณะที่ทางคีรีมายาอ้างว่ามีการก่อสร้างมาก่อนหน้านี้ จากการตรวจสอบพบว่ามีการทำฝายกั้นน้ำเป็นระยะๆ โดยทางคีรีมายาได้ชี้แจงว่ามีการทำท่อระบายลอดผ่าน ถือว่าผิดกฎหมาย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบอาคารซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างแล้วกว่าร้อยละ 70 ติดกับบริเวณลำรางสาธารณะ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ระบุว่าอาคารดังกล่าวเป็นการปลูกรุกล้ำพื้นที่ลงไปในลำรางสาธารณะกว่า 70 ตารางเมตรด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความจำเป็นต้องให้คีรีมายาออกนอกพื้นที่ในจุดที่มีข้อพิพาทก่อนหรือไม่ พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่จำเป็นเนื่องจากทางคีรีมายาได้แสดงเจตนารมณ์ว่าทำอย่างตรงไปตรงมา หากไม่ถูกต้องเขาก็ยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
สำหรับอาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งอาจอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ถูกต้องนั้น ควรสั่งระงับการก่อสร้างก่อนหรือไม่ รองปลัดกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า ยังไม่จำเป็น นอกจากจุดที่มีปัญหาจริงๆ เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายจะมีความเห็นร่วมกันให้หยุดการก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีการออกเอกสารสิทธิไม่ถูกต้องจะต้องดำเนินการเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และทำการเพิกถอนที่ดินในส่วนที่ได้มาโดยมิชอบด้วย
ด้าน พ.อ.สมหมายกล่าวว่า จากการตรวจสอบแผนที่ทางอากาศพบว่า บริษัท คีรีมายา จำกัด มีพื้นที่อยู่ในเขตนิคมสร้างตนเอง 1,052 ไร่ อยู่ในเขต ส.ป.ก.จำนวน 644 ไร่ มีการทับร่องน้ำสาธารณะประโยชน์ 163 ไร่ และทับทางสาธารณประโยชน์ 48 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 1,696 ไร่
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ดังกล่าวได้รับอนุญาตทำสนามกอล์ฟ แต่ไม่มีการอนุญาตให้ดำเนินการบ้านจัดสรรตาม พ.ร.บ.จัดสรรที่ดินแต่อย่างใด
ด้านนายอรัฐ เศวตะทัต กก.ผจก.สายงานพัฒนาโครงการบริษัท คีรีมายา จำกัด กล่าวว่า พื้นที่ทั้งหมดของคีรีมายานั้นเจ้าของโครงการฯ ได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย โดยพื้นที่ทั้งหมดกว่า 1,600 ไร่ หรือจำนวน 50 แปลง ได้ซื้อต่อมาจากบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (BAM) จำนวน14 แปลง และอีก 36 แปลง ได้ซื้อสินทรัพย์โครงการสนามกอล์ฟพร้อมกิจการจากการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี ในส่วนของพื้นที่โครงการสนามกอล์ฟมีจำนวน 500 ไร่ นอกจากนี้ พื้นที่ภายในบริษัท คีรีมายา จำกัด เป็นสนามกอล์ฟและโรงแรมซึ่งยังเหลือพื้นที่ที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อีกจำนวนมาก โดยปัจจุบันมีพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์เพียง 200 กว่าไร่ พร้อมยืนยันว่าไม่เคยเปลี่ยนแปลงพื้นที่ลำรางน้ำตั้งแต่ซื้อมา และไม่เคยขยายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพื้นที่บริเวณที่ดังกล่าวเหลือที่ดินประมาณ 20 แปลง ที่เป็น น.ส.3 ก. จากจำนวน 50 แปลง ส่วนที่เหลือได้ออกเป็นโฉนดแล้ว
นายอรัฐกล่าวต่อว่า เมื่อปี 2538 พื้นที่ประมาณร้อยละ 90 มีเอกสารสิทธิรับรองเป็น น.ค.3 จากนั้น ได้เริ่มดำเนินการออกเอกสารสิทธิที่ดินตามลำดับขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางโครงการฯไม่เคยซื้อที่ต่อจากชาวบ้าน โดยยืนยันว่าซื้อมาจากกรมบังคับคดี และ BAM ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่ากระบวนการยุติธรรมที่รัฐบอกว่าจะเยียวยา แต่สิ่งที่ต้องการมากกว่า คือ ให้ภาครัฐดำเนินการหาผู้กระทำผิดซึ่งเป็นต้นเหตุที่ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย เพราะขณะนี้นอกจากบริษัท คีรีมายาแล้วยังมีลูกบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 100 รายซึ่งเป็นลูกบ้านที่เราจำหน่ายที่ดินออกไปให้ อาจมีปัญหาการฟ้องร้อง และเราก็ต้องให้ฝ่ายกฎหมายของบริษัทฯฟ้องผู้ที่เราซื้อที่ให้ด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ยังพบว่า นางพรทวี สุตันติราษฎร์ นายช่างรังวัด ส.ป.ก.นครราชสีมา ได้ออกเอกสารสิทธิซึ่งมีเนื้อที่จำนวน 30 ไร่ นำมาออกเนื้อที่กว่า 155 ไร่ โดยเป็นการออกให้นายสุวัฒน์ สุตันติราษฎร์ สามีของนางพรทวี และได้ออกโฉนดที่ดินรุกล้ำ ส.ป.ก.มากกว่า 130 ไร่ โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ตรงข้ามภูพบฟ้าใกล้บริเวณทางขึ้นเขาใหญ่ และจัดสรรขายให้กับข้าราชการระดับสูงในราคาไร่ละกว่า 10 ล้านบาทซึ่งพบว่ามีนายตำรวจยศ พ.ต.อ.ได้ซื้อที่ดินในบริเวณดังกล่าวด้วย