xs
xsm
sm
md
lg

ศิษย์ใกล้ชิด “หลวงพ่อคูณ” โร่แจ้งความสื่อยักษ์หลังลงข่าวบิดเบือน ด้าน ตร.พร้อมช่วยตรวจสอบทรัพย์สินวัดบ้านไร่หากร้องขอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

 พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ลูกศิษย์ผู้ปรนนิบัติรับใช้ “หลวงพ่อคูณ” โร่แจ้งความตำรวจด่านขุนทด เอาผิดสื่อยักษ์ใหญ่หลังลงข่าวบิดเบือนความจริงทำให้เสื่อมเสีย โดยอ้างว่าฉกจีวรพ่อคูณ ยันหากไม่แก้ข่าวจะเอาผิดให้ถึงที่สุด ด้าน ผบก.เผยให้ตำรวจในพื้นที่เข้าไปดูแลความเรียบร้อยในวัดบ้านไร่ ส่วนการตรวจสอบปล่อยให้เป็นเรื่องของคณะกรรมการวัด แต่ถ้าร้องขอพร้อมส่งตำรวจเข้าไปร่วม

วันนี้ (28 พ.ค.) ที่ สภ.ด่านขุนทด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา นางลักษณารัตน์ ราไวย์ หรือป้าดำ หรือหมาดำ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/21 ม.6 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ผู้คอยปรนนิบัตรับใช้พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.ครองชัย ตาลประดิษฐ์ พนักงานสอบสวน สภ.ด่านขุนทด เพื่อให้ดำเนินคดีต่อหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่ลงข่าวพาดหัวใหญ่ฉบับวันที่ 29 พ.ค. 2558 ระบุว่าตนขโมยจีวรหลวงพ่อคูณไป ทั้งที่ไม่ใช่ความจริง ทำให้ตนได้รับความเสียหาย

นางลักษณารัตน์กล่าวว่า ตนรับใช้หลวงพ่อคูณที่วัดบ้านไร่มานานกว่า 10 ปี หลังจากไปกราบท่านที่วัดหนองบัวรองและมีจิตศรัทธาจึงขอติดตามมารับใช้ท่านอยู่วัดบ้านไร่ โดยทำหน้าที่จัดอาหารและผลไม้ให้หลวงพ่อคูณฉัน พร้อมกับเก็บจีวรที่ท่านใส่แล้วไปส่งซักและนำจีวรที่ซักแล้วมาเก็บเพื่อเตรียมไว้เปลี่ยนให้หลวงพ่อ ซึ่งตนอยู่รับใช้หลวงพ่อคูณมาตลอด 10 ปี ท่านจะเรียกตนว่า “หมาดำ” ไม่เคยมีประวัติการลักขโมยของใคร อยู่กับหลวงพ่อด้วยใจที่ศรัทธา

แม้แต่หลวงพ่อเคยสั่งว่า ถ้ากูตายแล้วให้มึงกลับไปอยู่บ้านของมึงที่ภูเก็ต แต่หากรีบกลับไปก็เกรงจะถูกกล่าวหา ตนจึงอยู่ทำบุญครบ 100 วันหลวงพ่อก่อนค่อยเดินทางกลับบ้านที่ภูเก็ต การเขียนข่าวของสื่อมวลชนทำให้ตนได้รับความเสียหายอย่างมาก บิดเบือนความจริงหวังแค่ขายข่าวเท่านั้น เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและความถูกต้องตนจึงต้องเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้

นางลัษณณารัตน์กล่าวว่า ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐประจำ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา คนที่เขียนข่าวมาพูดคุยตกลงกัน โดยรับปากว่าจะลงแก้ข่าวดังกล่าวให้ฉบับวันที่ 31 พ.ค. 2558 ซึ่งตนมีข้อแม้ว่าจะต้องลงข่าวในหน้า 1 และตัวใหญ่เท่ากับข่าวที่ทำให้ตนเสียหายด้วย ไม่เช่นนั้นตนจะเดินหน้าฟ้องร้องต่อไป เพราะตนไม่ใช่คนไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่ใช่ยาจก ที่บ้านทำธุรกิจ เรื่องนี้ทำให้เสียหายต่อวงศ์ตระกูลอย่างมาก และอยากฝากให้สื่อมวลชนได้สอบถามข้อเท็จจริงจากคนที่จะกล่าวหาเขาด้วยเพื่อจะได้ทราบความจริง

ด้าน พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า กรณีการตรวจสอบวัดบ้านไร่นั้นในเบื้องต้นปล่อยให้เป็นเรื่องของทางวัดก่อน ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังเข้าดูแลความสงบเรียบร้อยที่วัดบ้านไร่ และติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวภายในวัดว่ามีความขัดแย้งอะไรหรือไม่ แต่ที่ผ่านมายังไม่พบ ซึ่งคงจะต้องได้มีการหารือ ทางตำรวจพร้อมให้ความช่วยเหลือหากมีการร้องขอเข้ามา
กำลังโหลดความคิดเห็น