ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผอ.พุทธศาสนาโคราชย้ำปิดประตูวัดบ้านไร่ทุกบานเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินอย่างละเอียด ระบุตามกฎหมายวัดต้องทำบัญชี 2 เล่มไม่รวมบัญชีเงินสด ชี้หนี้สินของวัดต้องมารายงานทั้งหมด เผยช่วงหลวงพ่อคูณมรณภาพต้องสอบว่ามีการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินออกจากวัดหรือไม่ กรรมการวัดชุดเก่าต้องแจงให้ได้ เชื่อบารมี “พ่อคูณ” ทำให้ทุกอย่างราบรื่น
วันนี้ (26 พ.ค.) นายบัญชายุทธ นาคมุจลินท์ ผู้อำนวยการพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา รองประธานคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินพระเทพวิทยาคมและวัดบ้านไร่ เปิดเผยถึงการตรวจสอบทรัพย์สินวัดบ้านไร่ว่า ขณะนี้ต้องให้เวลารักษาการไวยาวัจกรวัดบ้านไร่และคณะกรรมการวัดบ้านไร่ได้รวบรวมข้อมูลทรัพย์สินทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อน โดยทรัพย์สินของวัดนั้น ตามกฎกระทรวง หมายถึงที่ดินอาคาร เงินทอง วัตถุสิ่งของมีค่าทุกสิ่งทุกอย่างอันได้มาเป็นสมบัติของวัด
รวมไปถึงสิ่งของเบ็ดเตล็ดเล็กน้อย หรือสิ่งของชั่วคราว (เจ้าอาวาสพิจารณาตามสมควร) และวัดต้องมีทะเบียนทรัพย์สินอย่างน้อย 2 เล่ม (ไม่รวมบัญชีเงินสด) ก็คือทะเบียนสังหาริมทรัพย์สำหรับจดหรือของที่เคลื่อนที่ได้ ได้แก่ สิ่งของมีค่า โบราณวัตถุ เครื่องไฟฟ้า เครื่องใช้ เครื่องดนตรี ยานพาหนะ เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด เป็นต้น และทะเบียนอสังหาริมทรัพย์สำหรับจด หรือสิ่งของที่เคลื่อนที่ไม่ได้ เช่นที่ดิน คือที่ตั้งวัดและที่ธรณีสงฆ์ โดยมีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นหลักฐาน และสิ่งปลูกสร้างเช่นโบสถ์วิหาร ศาลาการเปรียญ กุฏิ หอฉัน เป็นต้น เหล่านี้คือทรัพย์สินของวัด
ส่วนรายการหนี้สินของวัดจะต้องนำมารายงานในบัญชีของวัดด้วย เพราะการทำบัญชีต้องมีทรัพย์สิน หนี้สินเพื่อหักลบกันจะได้จำนวนสุทธิที่เหลืออยู่ ซึ่งข้อสรุปของบัญชีเหล่านี้จะได้ส่งต่อให้คณะกรรมการวัดชุดใหม่ที่จะเข้ามาดำเนินการได้รับทราบและหากมีหนี้สินก็ต้องชำระต่อไป ซึ่งเมื่อมีการผ่องถ่ายทรัพย์สินต่างๆ กันมาแล้วก็รับช่วงต่อไป เช่น หากวิหารเทพวิทยาคมมีหนี้ก็ต้องมาหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไร
“ทั้งนี้ ด้วยบารมีของพระเทพวิทยาคม เชื่อว่าการตรวจสอบรายการทรัพย์สินครั้งนี้รวมถึงการรับช่วงต่อไประหว่างไวยาวัจกรชุดเดิมกับชุดใหม่นั้นหวังว่าจะเป็นไปด้วยความราบรื่นเพื่อความเป็นศาสนาของเราและความเป็นสาธารณะของหลวงพ่อคูณ คุณูปการที่หลวงพ่อคูณมีอยู่ ลูกศิษย์คงกลับไปหาทรัพย์สินรายการต่างๆ ได้ครบ และกรรมการวัดชุดใหม่รับต่อด้วยความยินดี พระศาสนาและวัดบ้านไร่ก็จะเป็นที่เชื่อถือของลูกศิษย์ต่อไป” นายบุญชายุทธกล่าว
สำหรับการดูแลทรัพย์สินในช่วงที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านของกรรมการวัดบ้านไร่ชุดเก่าไปสู่ชุดใหม่นั้น นายบุญชายุทธกล่าวว่า โดยปกติเมื่อเจ้าอาวาสมรณภาพก็จะต้องปิดล็อกประตูทุกบาน เงินต่างๆ ก็จะไม่มีการเคลื่อนไหว แต่ในความเป็นจริงช่วงที่หลวงพ่อคูณมรณภาพจนถึงวันที่นัดประชุมของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินฯ คือเมื่อวานนี้ (25 พ.ค.) มีการเคลื่อนไหวโยกย้ายทรัพย์สินหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ
ในประเด็นนี้ไวยาวัจกรวัดและกรรมการวัดจะต้องชี้แจงเอง เช่น อาจเบิกมาใช้จัดการงานศพของท่าน ถ้าเป็นเหตุเป็นผลก็จบ แต่หากเบิกออกมาเพื่อไปทำสิ่งก่อสร้างคงต้องชี้แจงว่าสมเหตุผลหรือไม่ แต่จากนี้ไปจะต้องปิดล็อกประตูไว้ทุกบานเพื่อให้ผู้ที่คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินฯ มอบหมายจะได้เข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด