ชาวราชบุรีร้องศูนย์ดำรงธรรมหลังพบสารพิษในแหล่งน้ำ

ราชบุรี - นายกองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำพุ เมืองราชบุรี นำชาวบ้านร้องศูนย์ดำรงธรรมหลังพบสารพิษในแหล่งน้ำ

เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา นายไพฑูรย์ ปัตนา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (นายก อบต.) น้ำพุ อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้นำชาวบ้านใน ต.น้ำพุ อ.เมือง จ.ราชบุรี จำนวนหนึ่งมายื่นหนังสือร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดราชบุรี กรณีที่กรมควบคุมมลพิษ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้มีหนังสือแจ้งชาวบ้านไม่ให้นำน้ำในบ่อน้ำ และลำห้วยน้ำพุ มาใช้อุปโภคบริโภค เนื่องจากมีการตรวจสอบพบสารพิษปนเปื้อนในแหล่งน้ำ

สาเหตุเกิดมาจากโรงงานกำจัดกากขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ ทั้งที่มีการตรวจสอบพบการปนเปื้อนของสารเคมีในแหล่งน้ำมาตั้งแต่ ปี 2556 แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาชี้แจงถึงแหล่งที่มาของสารปนเปื้อนในน้ำใต้ดินและลำห้วยน้ำพุ ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ไม่กล้าที่จะนำน้ำมาใช้อุปโภคบริโภค รวมทั้งไม่กล้านำไปรดพืชผักผลไม้ที่ปลูกไว้ โดยมี นางประภารัตน์ นาคผจญ หัวหน้ากลุ่มอำนวยการผู้ดูแลศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดราชบุรี มารับหนังสือร้องเรียนในครั้งนี้ พร้อมกับกล่าวว่า จะแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ลงไปดำเนินการแก้ไข

นายธนู งามยิ่งยวด อายุ 55 ปี ชาวบ้านในหมู่ 1 ต.น้ำพุ อ.เมืองราชบุรี เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่ปลูกลำไย กล่าวว่า ปัญหาตอนนี้คือ เรื่องของน้ำที่นำมารดต้นลำไยที่ตนเองปลูกไว้ทั้งหมด 300 กว่าต้น พื้นที่กว่า 30 ไร่ เป็นลำไยที่ส่งออกไปขายต่างประเทศ พันธุ์อีดอ และพวงทอง เป็นการปลูกแบบบังคับให้ออกนอกฤดูกาล ราคากิโลกรัมละ 40-60 บาท ตั้งแต่ทางกรมควบคุมมลพิษและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มีหนังสื่อแจ้งว่า น้ำในลำห้วยที่ใช้รดน้ำลำไยอยู่ทุกวันนั้นมีสารพิษปนเปื้อน และน้ำก็มีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง

ทำให้ไม่กล้านำน้ำมารดลำไย ต้องปล่อยให้ใบเหี่ยวแห้งผลลำไยแห้ง แคระแกร็น บางต้นถึงกับแห้งตาย ไม่สามารถเก็บผลผลิตส่งขายได้ และถ้านำน้ำมารดตัวเองก็แย่เพราะต้องใช้สปริงเกอร์ ต้องสัมผัสกับน้ำ และกลิ่นที่เหม็นทั้งวัน ซึ่งปัญหานี้ชาวบ้านใน ต.น้ำพุ ได้ร้องเรียนมาแล้วกว่า 10 ปี ก็ไม่เคยได้รับการแก้ไข ปัญหาเริ่มวิกฤตแล้ว แต่มาปีนี้รุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาช่วยแก้ไขโดยด่วน