ตาก - สามี พร้อมญาติพี่น้องครูอัตราจ้างสาวร้อง สสจ.ตาก ขอความเป็นธรรม หลังครูสาวเข้าทำคลอดใน รพ.พระเจ้าตากสินมหาราชแล้วกลับเสียชีวิต หมดโอกาสอุ้มลูกน้อย ระบุหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ให้พ่อผู้ตายไม่รู้หนังสือเซ็นรับเงิน 2 แสนบาท
วันนี้ (15 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศักดิ์ดา คชประเสริฐ สามีของนางสาวพิมพ์ใจ ดาวงษ์ อายุ 28 ปี ครูอัตราจ้างโรงเรียนชุมชนบ้านน้ำดิบ ต.วังประจบ อ.เมืองตาก พร้อมครอบครัว ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนการทำงานของแพทย์โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก หลังนางสาวพิมพ์ใจเข้าไปผ่าตัดคลอดลูกแล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมา เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 58 โดยนายสมพร กาวินำ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตาก เป็นผู้รับเรื่อง
ทั้งนี้ นายศักดิ์ดา และญาติ ระบุในหนังสือร้องเรียนว่า เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 11 มี.ค. 58 นางสาวพิมพ์ใจ ดาวงษ์ ซึ่งตั้งครรภ์ได้ 36 สัปดาห์ 1 วัน มีอาการน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดปนเลือดเล็กน้อย นายศักดิ์ดาจึงได้โทร.ไปแจ้งอาการดังกล่าวต่อ แพทย์หญิง เบญจมาศ มั่นอยู่ ซึ่งเป็นแพทย์ที่นางสาวพิมพ์ใจ ดาวงษ์ ฝากครรภ์ไว้ จากนั้นได้พานางสาวพิมพ์ใจมาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยมาถึงโรงพยาบาลเวลา 06.30 น.
เมื่อนางสาวพิมพ์ใจมาถึงโรงพยาบาลฯแล้วก็ได้ไปรอที่ห้องรอคลอด และรอพบแพทย์ รอจนถึงเวลา 09.00 น.จึงมีแพทย์มาที่ห้องรอคลอด ซึ่งขณะนั้นนายศักดิ์ดาได้นั่งรออยู่ด้านนอก เวลาประมาณ 10.00 น. นางสาวพิมพ์ใจก็เดินออกมาพบนายศักดิ์ดา แล้วบอกว่าแพทย์บอกว่าให้รอช่องคลอด มดลูกเปิดให้มากกว่านี้
โดยนางสาวพิมพ์ใจได้บอกให้นายศักดิ์ดา และญาติที่มาด้วยกลับบ้านไปก่อน โดยให้มารดาของนางสาวพิมพ์ใจเฝ้าอยู่ด้านนอก แล้วเดินกลับไปที่ห้องรอคลอด ซึ่งภายหลังจากนั้นนายศักดิ์ดายังคงติดต่อกันทางโทรศัพท์ได้อยู่ตลอดเวลา
กระทั่งเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน นางสาวพิมพ์ใจได้โทร.มาแจ้งนายศักดิ์ดาว่าแพทย์จะทำการผ่าคลอด โดยแพทย์หญิง เบญจมาศ มั่นอยู่ ได้แจ้งให้ญาติทราบว่าจะผ่าตัดคลอดเวลา 20.00 น. ซึ่งนางสาวพิมพ์ใจก็ถูกนำตัวไปที่ห้องผ่าตัด และอยู่ในห้องผ่าตัดประมาณ 2 ชั่วโมง
จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่นำทารก ซึ่งเป็นบุตรของนางสาวพิมพ์ใจ ขึ้นไปไว้ที่ชั้น 4 แล้วแจ้งให้ญาติทราบว่าเด็กน้ำตาลในเลือดต่ำ และหายใจสั้นยาวผิดปกติ และยังแจ้งอีกว่ากำลังเย็บแผลนางสาวพิมพ์ใจอยู่ หลังจากนั้นก็ได้นำนางสาวพิมพ์ใจออกมาจากห้องผ่าตัดนำไปที่ห้องพักฟื้นชั้น 2 ซึ่งขณะนั้นนางสาวพิมพ์ใจยังรู้สึกตัวอยู่ พยาบาลก็ยังแจ้งให้ญาติทราบว่าให้คอยดูนางสาวพิมพ์ใจว่ามีเลือดออกมาเยอะหรือไม่
ต่อมานางสาวบี ญาติผู้เฝ้านางสาวพิมพ์ใจ เห็นว่ามีเลือดออก จึงเรียกพยาบาลมาดู ซึ่งพยาบาลก็แจ้งว่าให้เปลี่ยนผ้าอนามัย และให้คอยดูต่อไป พร้อมกับบอกด้วยว่า จะแจ้งให้แพทย์ทราบว่ามีเลือดออกเยอะ ผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมงนางสาวบีก็ไปแจ้งให้พยาบาลทราบว่ามีเลือดออกอยู่ พยาบาลบอกว่าให้เปลี่ยนผ้าอนามัย อีกประมาณ 40 นาทีนางสาวบีก็มาดูอีกพบว่ายังมีเลือดออกชุ่มผ้าอนามัย และได้แจ้งพยาบาลอีกรอบ
หนังสือร้องเรียนยังระบุด้วยว่า เวลาประมาณ 24.00 น. ก็มีพยาบาลมาเจาะเลือดแล้วบอกว่าจะตรวจนางสาวพิมพ์ใจว่ามีภาวะแทรกซ้อนหรือไม่ อีกประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ พยาบาลคนที่มาเจาะเลือดแจ้งผลเลือดให้ทราบว่าไม่มีการติดเชื้อ หรือภาวะแทรกซ้อน แล้วพยาบาลถามนายศักดิ์ดาว่านางสาวพิมพ์ใจหลับง่ายหรือไม่ นายศักดิ์ดา ตอบว่าหลับง่าย พยาบาลจึงบอกให้คอยเรียกนางสาวพิมพ์ใจไว้
เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 12 มี.ค. นางสาวพิมพ์ใจเริ่มมีอาการไข้ แต่ก็ยังหลับอยู่ ลักษณะในตอนนั้นเนื้อตัวมีอาการบวมผิดปกติ นางสาวบี และนายศักดิ์ดา ก็คอยเช็ดตัวตลอด เวลา 06.00 น. พยาบาลได้เดินมาดูอาการแล้วบอกว่าออกซิเจนในเลือดต่ำ แล้วจึงนำเครื่องออกซิเจนมาสอดเข้าไปในจมูก
เวลา 09.00 น. แพทย์หญิง เบญจมาศได้แจ้งว่านางสาวพิมพ์ใจติดเชื้อในกระแสโลหิตแบบเฉียบพลัน และมาขออนุญาตนายศักดิ์ดาว่าจะเจาะเส้นเลือดใหญ่เพื่อสอดสายน้ำเกลือเข้าไป ในตอนนั้นก็มีแพทย์เข้ามาหลายคน จากนั้นได้นำเครื่องอัลตราซาวนด์มาตรวจดูช่องท้องที่ผ่าตัด อีกสักพักก็ได้นำนางสาวพิมพ์ใจไปห้อง ICU ชั้น 3 โดยญาติรออยู่ข้างนอก
เวลา 19.00 น. ญาติได้เข้าไปเยี่ยมนางสาวพิมพ์ใจ เห็นนางสาวพิมพ์ใจถูกใส่สายท่อต่างๆ เต็มตัว ขณะนั้นนางสาวพิมพ์ใจยังลืมตา แต่พูดไม่มีเสียง ญาติจึงให้เขียนแทน นางสาวพิมพ์ใจเขียนว่า “หมอจะส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลพุทธชินราช เผื่อจะดีขึ้น” สอดคล้องกับแพทย์หญิง เบญจมาศ ที่บอกญาติว่าจะส่งตัวไปที่โรงพยาบาลพุทธชินราชเพื่อทำการฟอกไต เนื่องจากนางสาวพิมพ์ใจมีอาการไตวาย
เวลาประมาณ 21.00 น. โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ส่งตัวนางสาวพิมพ์ใจไปโรงพยาบาลพุทธชินราช เมื่อรถได้ออกเดินทางไปได้ประมาณ 20 กิโลเมตรนางสาวพิมพ์ใจมีอาการเกร็งและชัก ไม่สามารถโต้ตอบได้ รถโรงพยาบาลจึงได้วนรถนำส่งกลับมาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แล้วนำเข้าห้องฉุกเฉินปั๊มหัวใจ จากนั้นนางสาวพิมพ์ใจก็ฟื้นขึ้นมา จึงได้นำเข้าห้อง ICU
ผ่านไปไม่นานพยาบาลได้ออกมาเรียกสามี-มารดา และบิดานางสาวพิมพ์ใจ เข้าพบ พร้อมบอกว่า อาการของนางสาวพิมพ์ใจ 50/50 ญาติพร้อมจะเสี่ยงเอาไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลพุทธชินราชหรือไม่ ญาติจึงถามกลับไปว่า แล้วถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชต่อจะดีหรือไม่ แพทย์หญิง เบญจมาศตอบว่าก็ต้องดูตามอาการไป
จากนั้นแพทย์หญิง เบญจมาศบอกกับญาติว่า จะเดินทางไปกับรถโรงพยาบาลด้วย ญาติจึงยอมให้นำนางสาวพิมพ์ใจไปรักษาต่อ โดยรถพยาบาลได้เดินทางไปถึงโรงพยาบาลพุทธชินราชเวลา 01.30 น. วันที่ 13 มี.ค. เมื่อไปถึงโรงพยาบาลพุทธชินราชแล้วก็ได้นำเข้าไปที่ห้อง ICU พยาบาลและแพทย์ที่โรงพยาบาลพุทธชินราชบอกให้ญาติทำใจไว้ แต่แพทย์ก็จะพยายามอย่างเต็มที่ เพราะขณะนั้นแพทย์ได้แจ้งว่า น้ำตาลในเลือดต่ำ ความดันต่ำ ออกซิเจนในเลือดต่ำ ไตวาย และแกนสมองตาย ทางโรงพยาบาลพุทธชินราชได้ปั๊มหัวใจให้อีกครั้ง กระทั่งเวลา 16.30 น. วันที่ 13 มี.ค. นางสาวพิมพ์ใจ ดาวงษ์ ก็เสียชีวิต
นายศักดิ์ดา และญาติ ระบุในหนังสือร้องเรียนด้วยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อนางสาวพิมพ์ใจเสียชีวิตแล้ว ทางโรงพยาบาลได้ขอให้บิดานางสาวพิมพ์ใจรับเงิน 200,000 บาท บิดาของนางสาวพิมพ์ใจซึ่งไม่มีความรู้ ไม่ค่อยรู้หนังสือจึงลงลายมือชื่อแล้วรับไว้ อีกทั้งข้อเท็จจริงต่างๆ ที่บันทึกไว้ในเอกสารเกี่ยวกับการรักษามีความขัดแย้งต่อความจริงหลายประการ จึงต้องการความเป็นธรรมให้แก่ครอบครัว
เพราะตั้งแต่นางสาวพิมพ์ใจเสียชีวิต ญาติไม่ทราบเลยว่าเหตุเกิดขึ้นเพราะอะไร แพทย์ไม่เคยชี้แจงให้ญาติทราบสาเหตุที่ชัดเจน นางสาวพิมพ์ใจเสียชีวิตลงโดยชีวิตของความเป็นแม่ที่ไม่ได้เคยสัมผัสอุ้มบุตรของตนเองแม้แต่นิด ซึ่งอาจเป็นไปด้วยความประมาทเลินเล่อ
ทั้งนี้ หลังจากรับหนังสือร้องเรียน นายสมพร กาวินำ รองนายแพทย์สาธารสุขจังหวัดตาก บอกว่า ยินดีที่จะเป็นตัวกลางในการตรวจสอบ ในฐานะหน่วยงานควบคุมโรงพยาบาลในสังกัดจังหวัดตาก พร้อมจะให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย ส่วนเงิน 200,000 บาทที่ทางโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมอบให้ญาติไปก่อนหน้านั้น เป็นเพียงเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามกระบวนการ ส่วนการร้องเรียนตรวจสอบและเงินเยียวยา ญาติสามารถเรียกร้องได้ตามสิทธิ์ต่อไป