อุบลราชธานี - กลุ่มชาวบ้านขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือพีมูฟ บุกศาลากลางจังหวัด จี้ผู้ว่าฯ ประสานส่งมอบพื้นที่ใช้ทำโฉนดชุมชน ขึ้นทะเบียนชายหาดเป็นที่สาธารณะ ป้องกันนายทุนยึดครอง จ่ายเงินเยียวยากรณีกรมชลประทานยึดที่ดินทำกินของชาวบ้าน และสั่งนายทุนยุติดูดทรายบนบก เพราะทำผิดเงื่อนไข มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
วันนี้ (7 พ.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ชาวบ้านเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมืองจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือพีมูฟ ประมาณ 150 คน นำโดย นางหนูเดือน แก้วบัวขาว กรรมการชุมชนหนองกินเพล และนางสุรีรัตน์ ขันลับ กรรมการชุมชุนลับแล อ.วารินชำราบ รวมตัวมายื่นหนังสือเรียกร้องต่อ นายประทีป กีรติเลขา ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ดำเนินการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านในจังหวัด จำนวน 5 ข้อ
ซึ่งชาวบ้านได้มีข้อตกลงไว้ต่อคณะทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อการประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา สำหรับข้อเรียกร้อง ประกอบด้วย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งมอบพื้นที่ให้สำนักงานโฉนดชุมชน เพื่อนำพื้นที่ที่รับมอบมาทำเป็นโฉลดชุมชนนำร่อง ซึ่งได้ผ่านการเห็นชอบตั้งแต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 5 ชุมชน คือ ชุมชนลับแล ชุมชนเกตุแก้ว ชุมชนหาดสวนสุข ชุมชนกุดลาด ชุมชนบ้านตามุย
ให้ขึ้นทะเบียนหาดเว อ.วารินชำราบ เป็นที่สาธารณะ ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน เพื่อป้องกันนายทุนบุกรุกยึดครอง ประการต่อมา ให้ประสานศาลปกครองพิทักษ์สิทธิชาวชุมชนหนองกินเพล ที่ถูกเอกชนอ้างเอกสารสิทธิทับที่ทำกิน รวมทั้งประสานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จ่ายเงินชดเชยเยียวยาให้เจ้าของที่ดิน ที่กรมชลประทาน ประกาศทับที่ดินทำกินของชาวบ้านห้วยฝั่งแดง อ.น้ำขุน จำนวน 8 ครอบครัว
สุดท้าย สั่งให้กลุ่มทุนที่ได้รับสัปทานดูดทรายบนบกในพื้นที่บ้านคูสว่าง อ.วารินชำราบ ยุติการดูดทรายทันที เพราะทำผิดเงื่อนไขกฎหมายว่าด้วยสิ่งแวดล้อม และให้ทำการฟื้นฟูระบบนิเวศวิทยาที่เสียหายกลับคืนให้ชุมชนด้วย
ต่อมา นายอาทิตย์ บุษบา หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เป็นตัวแทนมารับหนังสือ และจะนำเรื่องส่งให้แก่ นายประทีป กีรติเลขา ผวจ.พิจารณาสั่งการ โดยจะแจ้งความคืบหน้าให้ชาวบ้านทราบภายใน 30 วัน ทำให้ชาวบ้านพอใจพากันสลายตัวไปในเที่ยงวันเดียวกัน