หนองคาย - ผบช.ภ.4 ลงพื้นที่หนองคายสอบปากคำแก๊ง ตร.อุดรฯ เรียกค่าไถ่แม่ลูกชาวลาว ขณะที่หัวหน้าแก๊งยศ “ร.ต.อ.” ยืนกระต่ายขาเดียวมาทำงานขยายผลจับผู้ต้องหาค้ายาบ้า พร้อมปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่ม โดยจะไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น ด้าน “ผบช.ภ.4” สั่งให้ออกจากราชการ 6 นายตำรวจไว้ก่อน พร้อมตั้งคณะทำงานตำรวจภูธรภาค 4 สอบสวนเลี่ยงข้อครหา “ตำรวจจังหวัดหนึ่งจับตำรวจอีกจังหวัดหนึ่ง” เพื่อเร่งสร้างภาพลักษณ์ตำรวจให้ดีขึ้น ขณะที่เหยื่อชาวลาวขอบคุณตำรวจช่วยเหลือ
ความคืบหน้ากรณีตำรวจภูธรจังหวัดหนองคายจับกุมตำรวจภูธรอุดรธานี 6 นาย ตำรวจอาสา 2 นาย และหญิงสาวอีก 1 คนหลังก่อเหตุจับคนลาว 2 คนเรียกค่าไถ่ 2 ล้านบาท โดยสามีเหยื่อชาวลาวเข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.ภ.จ.หนองคาย นำมาซึ่งการวางแผนจับกุมได้ดังกล่าว
ล่าสุดวันนี้ (27 เม.ย. 58) พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 เดินทางมายัง สภ.เมืองหนองคาย ติดตามและร่วมสอบปากคำกับ พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบก.ภ.จ.หนองคาย, พ.ต.อ.อภิศักดิ์ กรองทิพย์ ผกก.สภ.เมืองหนองคาย, พ.ต.อ.ปรีดา ดวงพุทธา พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองหนองคาย
โดยนำตัว 1. ร.ต.อ.สุรพัศ เพ็ญศรี รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี, 2. ร.ต.ท.พีระพงษ์ ตรีพงษ์ รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี, 3. ร.ต.ต.สมเด็จ สุขรมย์ รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี, 4. ด.ต.ปกรณ์ สุขประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี, 5. ด.ต.ชัยณรงค์ อรดี ผบ.หมู่ จร.สภ.เมืองอุดรธานี, 6. ด.ต.วีระวัฒน์ ตานุชนม์ ผบ.หมู่ (สส.) สภ.เมืองอุดรธานี, 7. นายธวัชชัย ทิพสุภา ตำรวจอาสา, 8. นายตี๋ อาจสุวรรณ์ และ 9. น.ส.พัชรมัย พรหมวิชลัย มาสอบปากคำ พร้อมเชิญผู้เสียหายชาวลาว 3 คน ประกอบด้วย ท้าวดวงคำ ตันทะแก้ว อายุ 60 ปี, นางบัวจัน ตันทะแก้ว และท้าวพอนสะหวัน ตันทะแก้ว พ่อแม่ลูกมาด้วย
ร.ต.อ.สุรพัศ เพ็ญศรี รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี หัวหน้าชุด ให้การยืนยันว่า ตนมาขยายผลการจับกุมยาบ้า หลังจากที่จับ น.ส.พัชรมัย พรหมวิชลัย ผู้ต้องหาคดีค้ายาบ้าในพื้นที่ สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี
จากนั้น ร.ต.อ.สุรพัศได้ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล โดยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น ส่วน น.ส.พัชรมัยก็รับสารภาพว่าถูกจับยาบ้าจริง และจะให้ความช่วยเหลือตำรวจขยายผลจับกุมตัวพวกค้ายาบ้า
ขณะที่นางบัวจัน ตันทะแก้ว กล่าวว่า ตนพาลูกชายมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองหนองคาย มีท้าวทอง คนรู้จักที่ลาวโทรศัพท์มาหาบอกว่าจะมีคนฝากของมาให้ขอให้ถือมาด้วย ไม่นาน น.ส.พัชรมัยก็เดินเข้ามาหาแล้วยื่นของให้ตนจึงรับมาแล้วพาลูกชายมายังด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว กำลังซื้อตั๋วโดยสารรถข้ามสะพานก็ถูกตำรวจเข้าจับกุม ระบุว่าตนมีสิ่งของผิดกฎหมาย โดยได้ตรวจค้นตนพบห่อที่ น.ส.พัชรมัย ให้มามีเงินสดจำนวน 60,000 บาท
โดยตำรวจที่จับกุมบอกว่า ตนนำเงินจำนวนมากออกนอกประเทศไม่ได้ แถมยังบอกว่าถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดีให้ติดต่อญาตินำเงินมา 2 ล้านบาทเป็นค่าไถ่ตัว จากนั้นก็พาตนกับลูกขึ้นรถไปยังรีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย แล้วบังคับให้ตนถ่ายรูปคู่กับยาบ้า
ระหว่างนั้นก็ให้ติดต่อนำเงินมาให้ได้ ตนจึงโทรศัพท์ไปหาท้าวดวงคำ ตันทะแก้ว สามี เล่าเรื่องให้สามีฟัง สามีบอกว่ามีเงินเพียง 500,000 บาท กลุ่มตำรวจจึงบอกว่าเงินจำนวนนี้ไถ่ตัวลูกชายได้คนเดียว แต่ต้องหามาเพิ่มอีก 1 ล้าน 5 แสนบาท ไถ่ตนออกไปด้วย
ด้านท้าวดวงคำ พันทะแก้ว กล่าวว่า ตนทำงานเหมืองแร่อยู่ในประเทศลาว ส่วนนางบัวจัน ภรรยา ทำธุรกิจโรงแรมดวงจันทน์ อยู่ที่นครหลวงเวียงจันทน์ โดยตนรู้จักกับท้าวทอง ชาวลาวด้วยกันเพราะเคยค้าขายเหมืองแร่ด้วย เมื่อท้าวทองมาบอกว่าตำรวจจับนางบัวจัน และท้าวพอนสะหวัน ลูกชายไว้ อ้างว่ามีสิ่งของผิดกฎหมาย ตนพยายามติดต่อท้าวทอง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตนจึงขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.ภ.จ.หนองคาย ดังกล่าว และวางแผนจับกุมดังกล่าว พร้อมขอบคุณตำรวจหนองคายที่ช่วยเหลือทุกคนจนปลอดภัย
ด้าน พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 กล่าวภายหลังว่า คดีนี้ได้รายงานให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ทราบแล้ว โดยกำชับว่าให้เป็นไปตามขั้นตอนถูกผิดอย่างเด็ดขาด และก่อนหน้านี้มีรายงานเข้ามาว่าตำรวจอุดรธานีกลุ่มนี้มีพฤติกรรมลักษณะดังกล่าว จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นถือว่าเป็นตำรวจทำความผิดเสียเอง ซ้ำยังไม่ให้ความร่วมมือสอบสวน และการที่อ้างว่ามาขยายผลจับกุมนั้นไม่ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อน รวมถึงไม่ประสานกับตำรวจในท้องที่เกิดเหตุด้วย
หลังจากนี้จะตั้งคณะทำงานของภูธรภาค 4 มาสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีที่ตำรวจจังหวัดหนึ่งจับตำรวจอีกจังหวัดหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหา โดยเบื้องต้นได้สั่งการให้ดำเนินการให้ตำรวจทั้ง 6 นายออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมหรือไม่ต้องสอบปากคำอีกครั้ง
“ที่ผ่านมาตำรวจภาค 4 มีภาพลักษณ์ไม่ดี โดยเฉพาะตำรวจจังหวัดอุดรธานีที่เพิ่งมีเหตุการณ์ยิงพระบัณฑิตมาหมาดๆ ก็มามีเหตุการณ์นี้อีก จะเร่งแก้ไขภาพลักษณ์ของตำรวจในสายตาประชาชนให้ดีขึ้น”
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหนองคายได้แจ้งข้อกล่าวหา 7 ข้อ ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรืออย่างใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบในหน้าที่, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากอิสรภาพในร่างกาย, ร่วมกันเอาตัวเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไป เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่,
มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน, พกพาอาวุธปืนเข้าไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย