คดีสังหาร พระบัณฑิต สุปัณฑิโต หรือ พระหมอ เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยมขณะเดินกลับจากบิณฑบาต คืบหน้าขึ้นมากภายหลังจากเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวทีมลั่นไกสังหารได้แล้ว และกำลังอยู่ระหว่างขยายผลไปให้ถึงตัวผู้บงการ
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ต.ต.มานิตย์ แก้วเจริญ สว.สส.สภ.อุดรธานี พร้อมด้วย ร.ต.อำนาจ อินทกนก ผบ.ร้อย รส.ที่ ร 13 พัน 2 ค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ ได้นำกำลังชุดคอมมานโด บุกเข้าตรวจค้นบ้านของ ดต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ผบ.หมู่ สส. ภ.จ.อุดรธานี ซึ่งถูกนายปัญจ๋า ชารีแสน มือปืน ให้การซัดทอดว่าเป็นผู้ชี้เป้าและขับรถให้เพื่อก่อเหตุ
ทั้งนี้จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนยาวลูกกรดขนาด .22 ติดลำกล้อง ทะเบียน กท 4351937 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน .357 จำนวน 4 นัด และกระสุนปืนขนาด .22 อีก 3 นัด รวมทั้งแผ่นป้านทะเบียนรถ บธ 49.3 นนทบุรี ซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้ากลางบ้าน จึงยึดไว้ตรวจสอบว่าเป็นปืนกระบอกเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุสังหารพระบัณฑิตหรือไม่ พร้อมกับนำตัว นายสำราญ สร้อยสังวาลย์ อายุ 75 ปี บิดาของ ดต.ชาญชัย มาสอบปากคำ โดย นายสำราญ ให้การว่า ไม่ได้พบบุตรชายมา 1 สัปดาห์แล้ว และไม่รู้ว่าปืนกับทะเบียนรถที่ถูกค้นพบมาอยู่ในบ้านตั้งแต่เมื่อใด
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามไล่ล่าสามารถจับกุมตัว ดต.ชาญชัย ได้แล้ว โดยขณะนี้ถูกควบคุมตัวไปสอบสวนที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง เพื่อเค้นหาข้อมูลหลักฐานมัดตัวผู้บงการตัวจริง
ขณะที่ พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผช.ผบ.ตร. เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ นายปัญจ๋า หรือจ๋า หรือโบ้ ชารีแสน มือสังหารได้สารภาพว่า เป็นผู้ลงมือยิงแต่ผู้เดียว โดยก่อนหน้านี้ได้รับการติดต่อจาก ด.ต.ชาญชัย ได้รับค่าจ้าง 5 หมื่นบาท โดย ดต.ชาญชัย เป็นผู้มาดูตัวเป้าหมายตั้งแต่วันที่ 26-28 กุมภาพันธ์ ก่อนพานายปัญจ๋า มาลงมือในวันที่ 1 มีนาคม อย่างไรก็ตามผู้ต้องหาให้การว่า ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าต้องฆ่าพระ และพอจะเปลี่ยนใจก็ถูกบังคับให้ลงมือ
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาสารภาพว่า รับจ้างยิงผู้ตายด้วยเงิน 50,000 บาท มาจาก ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ผบ.หมู่ (สส).สภ.เมืองอุดรธานี (ที่ยังหลบหนีอยู่ในขณะนี้) โดยมีการจ่ายล่วงหน้ามาก่อนแล้ว 30,000 บาท ในวันก่อเหตุได้ใช้อาวุธปืนลูกซองดัดแปลงไว้ใช้ยิงกับกระสุนเอ็ม 16 ขึ้นรถกระบะแค๊ปสีขาว ยี่ห้อมาสด้า ที่ ด.ต.ชาญชัย ขับไปหาเป้าหมายคือพระบัณฑิตนั่นเอง เมื่อถึงเวลาสังหาร ด.ต.ชาญชัย ได้ชี้เป้าให้ลงมือ ทางนายปัญจ๋าได้ขึ้นไปบนกระบะหลัง วางอาวุธปืนพาดหลังคารถก่อนยิงใส่พระบัณฑิต 1 นัด กระสุนเข้าทางด้านหลังจนผู้ตายล้มลง จากนั้นได้คัดปลอกกระสุนออก และบรรจุใหม่ เดินยิงซ้ำไปที่ร่างพระบัณฑิตอีก 1 นัดอย่างใจเย็น ก่อนจะขึ้นรถหลบหนีไป ทั้งนี้อาวุธปืนที่ก่อเหตุฝ่าย ด.ต.ชาญชัยได้ขอติดตัวไป อ้างว่าจะเอาไปทำลายทิ้ง และนัดหมายให้มารับเงินค่าจ้างส่วนที่เหลืออีก 20,000 บาท ที่สวนลิง อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี และให้ลบเบอร์ติดต่อทิ้งทั้หมด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ และ ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน"
ด้าน พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ในที่สุดคดีก็สามารถคลี่คลายได้ระดับหนึ่ง โดยตำรวจสามารถจับมือปืนได้แล้ว คือ นายปัญจ๋า และยังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คนคือ ด.ต.ชาญชัย และอีกคนคาดว่าเป็น จ่าทหาร ตอนนี้กำลังขอหมายศาลทหารเพื่อจับกุม ส่วนจะดำเนินคดีกับผู้จ้างวานได้หรือไม่นั้น ตำรวจจะขยายผลสืบสวนต่อไปให้ได้แน่นอน เพื่อให้สังคมกระจ่ายว่าเราไม่ได้ช่วยเหลือกันแต่อย่างใด ตำรวจคนไหนทำผิดก็ว่ากันตามผิด
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับความเชื่อมโยงระหว่างบุคคลต่างๆ ในคดีนี้ คือ นายปัญจ๋า เป็นลูกน้องคนสนิทของ ดต.ชาญชัย เนื่องจาก ดต.ชาญชัย เคยให้การช่วยเหลือครอบครัว นายปัญจ๋า มาโดยตลอด และช่วยเรื่องคดียาเสพติด นอกจากนี้ ดต.ชาญชัย ยังเป็นลูกน้องคนสนิทและเคยเป็นคนขับรถให้ พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ซึ่งเป็นอดีต ผบก.ภ.จ.อุดรธานี มาก่อน
ขณะที่ผู้ต้องสงสัยเป็นผู้จ้างวานสังหารนั้น ก็เคยให้การสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของ บก.ภ.จ.อุดรธานี มาโดยตลอด ทำให้ต้องมีการสั่งย้าย พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.กองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และ พล.ต.ต.ชัญญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.อุดรธานี คนปัจจุบัน ออกมาจากพื้นที่เอาไว้ก่อน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ต.ต.มานิตย์ แก้วเจริญ สว.สส.สภ.อุดรธานี พร้อมด้วย ร.ต.อำนาจ อินทกนก ผบ.ร้อย รส.ที่ ร 13 พัน 2 ค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ ได้นำกำลังชุดคอมมานโด บุกเข้าตรวจค้นบ้านของ ดต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ผบ.หมู่ สส. ภ.จ.อุดรธานี ซึ่งถูกนายปัญจ๋า ชารีแสน มือปืน ให้การซัดทอดว่าเป็นผู้ชี้เป้าและขับรถให้เพื่อก่อเหตุ
ทั้งนี้จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนยาวลูกกรดขนาด .22 ติดลำกล้อง ทะเบียน กท 4351937 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน .357 จำนวน 4 นัด และกระสุนปืนขนาด .22 อีก 3 นัด รวมทั้งแผ่นป้านทะเบียนรถ บธ 49.3 นนทบุรี ซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้ากลางบ้าน จึงยึดไว้ตรวจสอบว่าเป็นปืนกระบอกเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุสังหารพระบัณฑิตหรือไม่ พร้อมกับนำตัว นายสำราญ สร้อยสังวาลย์ อายุ 75 ปี บิดาของ ดต.ชาญชัย มาสอบปากคำ โดย นายสำราญ ให้การว่า ไม่ได้พบบุตรชายมา 1 สัปดาห์แล้ว และไม่รู้ว่าปืนกับทะเบียนรถที่ถูกค้นพบมาอยู่ในบ้านตั้งแต่เมื่อใด
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามไล่ล่าสามารถจับกุมตัว ดต.ชาญชัย ได้แล้ว โดยขณะนี้ถูกควบคุมตัวไปสอบสวนที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง เพื่อเค้นหาข้อมูลหลักฐานมัดตัวผู้บงการตัวจริง
ขณะที่ พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผช.ผบ.ตร. เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ นายปัญจ๋า หรือจ๋า หรือโบ้ ชารีแสน มือสังหารได้สารภาพว่า เป็นผู้ลงมือยิงแต่ผู้เดียว โดยก่อนหน้านี้ได้รับการติดต่อจาก ด.ต.ชาญชัย ได้รับค่าจ้าง 5 หมื่นบาท โดย ดต.ชาญชัย เป็นผู้มาดูตัวเป้าหมายตั้งแต่วันที่ 26-28 กุมภาพันธ์ ก่อนพานายปัญจ๋า มาลงมือในวันที่ 1 มีนาคม อย่างไรก็ตามผู้ต้องหาให้การว่า ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าต้องฆ่าพระ และพอจะเปลี่ยนใจก็ถูกบังคับให้ลงมือ
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาสารภาพว่า รับจ้างยิงผู้ตายด้วยเงิน 50,000 บาท มาจาก ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ผบ.หมู่ (สส).สภ.เมืองอุดรธานี (ที่ยังหลบหนีอยู่ในขณะนี้) โดยมีการจ่ายล่วงหน้ามาก่อนแล้ว 30,000 บาท ในวันก่อเหตุได้ใช้อาวุธปืนลูกซองดัดแปลงไว้ใช้ยิงกับกระสุนเอ็ม 16 ขึ้นรถกระบะแค๊ปสีขาว ยี่ห้อมาสด้า ที่ ด.ต.ชาญชัย ขับไปหาเป้าหมายคือพระบัณฑิตนั่นเอง เมื่อถึงเวลาสังหาร ด.ต.ชาญชัย ได้ชี้เป้าให้ลงมือ ทางนายปัญจ๋าได้ขึ้นไปบนกระบะหลัง วางอาวุธปืนพาดหลังคารถก่อนยิงใส่พระบัณฑิต 1 นัด กระสุนเข้าทางด้านหลังจนผู้ตายล้มลง จากนั้นได้คัดปลอกกระสุนออก และบรรจุใหม่ เดินยิงซ้ำไปที่ร่างพระบัณฑิตอีก 1 นัดอย่างใจเย็น ก่อนจะขึ้นรถหลบหนีไป ทั้งนี้อาวุธปืนที่ก่อเหตุฝ่าย ด.ต.ชาญชัยได้ขอติดตัวไป อ้างว่าจะเอาไปทำลายทิ้ง และนัดหมายให้มารับเงินค่าจ้างส่วนที่เหลืออีก 20,000 บาท ที่สวนลิง อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี และให้ลบเบอร์ติดต่อทิ้งทั้หมด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ และ ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน"
ด้าน พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ในที่สุดคดีก็สามารถคลี่คลายได้ระดับหนึ่ง โดยตำรวจสามารถจับมือปืนได้แล้ว คือ นายปัญจ๋า และยังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คนคือ ด.ต.ชาญชัย และอีกคนคาดว่าเป็น จ่าทหาร ตอนนี้กำลังขอหมายศาลทหารเพื่อจับกุม ส่วนจะดำเนินคดีกับผู้จ้างวานได้หรือไม่นั้น ตำรวจจะขยายผลสืบสวนต่อไปให้ได้แน่นอน เพื่อให้สังคมกระจ่ายว่าเราไม่ได้ช่วยเหลือกันแต่อย่างใด ตำรวจคนไหนทำผิดก็ว่ากันตามผิด
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับความเชื่อมโยงระหว่างบุคคลต่างๆ ในคดีนี้ คือ นายปัญจ๋า เป็นลูกน้องคนสนิทของ ดต.ชาญชัย เนื่องจาก ดต.ชาญชัย เคยให้การช่วยเหลือครอบครัว นายปัญจ๋า มาโดยตลอด และช่วยเรื่องคดียาเสพติด นอกจากนี้ ดต.ชาญชัย ยังเป็นลูกน้องคนสนิทและเคยเป็นคนขับรถให้ พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ซึ่งเป็นอดีต ผบก.ภ.จ.อุดรธานี มาก่อน
ขณะที่ผู้ต้องสงสัยเป็นผู้จ้างวานสังหารนั้น ก็เคยให้การสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของ บก.ภ.จ.อุดรธานี มาโดยตลอด ทำให้ต้องมีการสั่งย้าย พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.กองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และ พล.ต.ต.ชัญญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.อุดรธานี คนปัจจุบัน ออกมาจากพื้นที่เอาไว้ก่อน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ