รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม นายวิเวทย์ วิไชโย อดีตนายกเทศมนตรีตำบลนาอาน อ.เมือง จ.เลย ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.บรรจบ สีหานาวี พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีสังหาร พระบัณฑิต สุปัณฑิโต หรือ พระหมอ เจ้าอาวาสวัดตอสีเสียด อ.เมือง จ.อุดรธานี เสียชีวิตอย่างเหี้ยมโหดขณะเดินกลับจากการบิณฑบาตเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา
โดย นายวิเวทย์ เปิดเผยว่า ได้นำหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันว่าในวันเกิดเหตุ ไม่ได้อยู่ใน จ.อุดรธานี ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าได้เข้าไปค้นข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของ พระบัณฑิต ในสมัยที่ยังเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลไชยวาน เพื่อนำไปให้เจ้าของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งนั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่ที่ทำเพราะเข้าใจว่าบุคคลดังกล่าวต้องการทราบข้อมูลเอาไว้เพื่อติดต่อให้ไปทำงานด้วยกันเท่านั้น และส่วนตัวก็ไม่รู้จักกับ พระบัณฑิต เป็นการส่วนตัวมาก่อน และหลังเกิดเหตุก็ยังไม่ได้เข้าไปพูดคุยกับเจ้าของโรงพยาบาลคนดังกล่าว แต่ยอมรับว่ารู้จักกันมานานกว่า 30 ปี สำหรับอาวุธที่เจ้าหน้าที่ยึดได้ขณะค้นบ้านของตน ยืนยันว่าได้มาอย่างถูกกฎหมาย เพราะสมัยก่อนเคยทำงานด้านการปราบปรามคอมมิวนิสต์ในพื้นที่
ด้าน พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การสืบสวนสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการหารายละเอียดเพิ่มเติมในการตรวจสอบผู้ลงมือ ขอเวลาอีกไม่นาน ส่วนที่มีข่าวว่ากลุ่มผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารมีการติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อให้เบี่ยงเบนคดีนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เวลานี้เรากำลังตรวจสอบเพื่อหาตัวคนร้ายให้ได้ การหามือปืนก็อยู่ในวงที่แคบลง ยานพาหนะต้องสงสัยที่ใช้ก่อเหตุก็ลดลงเรื่อยๆ สำหรับเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่ถูกพาดพิงว่า อาจมีส่วนเชื่อมโยงกับการจ้างวานฆ่านั้น ภายใน 1-2 วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายเรียกตัวมาสอบปากคำเช่นกัน
ส่วนการสอบปากคำเพิ่มเติม นายวิเวทย์ ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้นั้น พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า ประเด็นที่เจ้าหน้ามุ่งตรวจสอบ คือ ประเด็นที่อาจเป็นเหตุนำไปสู่การฆาตกรรม รวมทั้งกรณีมีการเข้าไปตรวจสอบประวัติของ พระบัณฑิต ก่อนที่จะเกิดการสังหาร ซึ่ง นายวิเวทย์ ได้ให้ปากคำที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก ขอเวลาอีกนิดเดียวก็จะสามารถจับกุมได้
รายงานข่าวแจ้งว่า วันเดียวกัน พล.ต.ท.ปัญญา ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเรียกตัวกำนันคนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ มาสอบปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ รวมทั้งเรียกตำรวจสายสืบระดับมือเพชรฆาต 2 นาย มาสอบสวนหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวมือปืน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในส่วนนี้ได้ เพราะเกรงกลุ่มผู้ต้องหาจะไหวตัวทัน
โดย นายวิเวทย์ เปิดเผยว่า ได้นำหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันว่าในวันเกิดเหตุ ไม่ได้อยู่ใน จ.อุดรธานี ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าได้เข้าไปค้นข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของ พระบัณฑิต ในสมัยที่ยังเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลไชยวาน เพื่อนำไปให้เจ้าของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งนั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่ที่ทำเพราะเข้าใจว่าบุคคลดังกล่าวต้องการทราบข้อมูลเอาไว้เพื่อติดต่อให้ไปทำงานด้วยกันเท่านั้น และส่วนตัวก็ไม่รู้จักกับ พระบัณฑิต เป็นการส่วนตัวมาก่อน และหลังเกิดเหตุก็ยังไม่ได้เข้าไปพูดคุยกับเจ้าของโรงพยาบาลคนดังกล่าว แต่ยอมรับว่ารู้จักกันมานานกว่า 30 ปี สำหรับอาวุธที่เจ้าหน้าที่ยึดได้ขณะค้นบ้านของตน ยืนยันว่าได้มาอย่างถูกกฎหมาย เพราะสมัยก่อนเคยทำงานด้านการปราบปรามคอมมิวนิสต์ในพื้นที่
ด้าน พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การสืบสวนสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการหารายละเอียดเพิ่มเติมในการตรวจสอบผู้ลงมือ ขอเวลาอีกไม่นาน ส่วนที่มีข่าวว่ากลุ่มผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารมีการติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อให้เบี่ยงเบนคดีนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เวลานี้เรากำลังตรวจสอบเพื่อหาตัวคนร้ายให้ได้ การหามือปืนก็อยู่ในวงที่แคบลง ยานพาหนะต้องสงสัยที่ใช้ก่อเหตุก็ลดลงเรื่อยๆ สำหรับเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่ถูกพาดพิงว่า อาจมีส่วนเชื่อมโยงกับการจ้างวานฆ่านั้น ภายใน 1-2 วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายเรียกตัวมาสอบปากคำเช่นกัน
ส่วนการสอบปากคำเพิ่มเติม นายวิเวทย์ ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้นั้น พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า ประเด็นที่เจ้าหน้ามุ่งตรวจสอบ คือ ประเด็นที่อาจเป็นเหตุนำไปสู่การฆาตกรรม รวมทั้งกรณีมีการเข้าไปตรวจสอบประวัติของ พระบัณฑิต ก่อนที่จะเกิดการสังหาร ซึ่ง นายวิเวทย์ ได้ให้ปากคำที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก ขอเวลาอีกนิดเดียวก็จะสามารถจับกุมได้
รายงานข่าวแจ้งว่า วันเดียวกัน พล.ต.ท.ปัญญา ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเรียกตัวกำนันคนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ มาสอบปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ รวมทั้งเรียกตำรวจสายสืบระดับมือเพชรฆาต 2 นาย มาสอบสวนหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวมือปืน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในส่วนนี้ได้ เพราะเกรงกลุ่มผู้ต้องหาจะไหวตัวทัน
