xs
xsm
sm
md
lg

ไล่ออก6ตร.อุดรฯ อุ้มชาวลาวเรียกค่าไถ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฉาวโฉ่อีก! ผบช.ภ. 4 สั่งรองสว.สส.สภ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมตำรวจร่วมทีมรวม 6 นายออกราชการ ตั้งคณะทำงานภาค 4 สอบสวน หลังร่วมกับพลเรือนอีก 2 คน อุ้ม 2 แม่ลูกชาวลาวเรียกค่าไถ่ แต่ถูกผบก.ภ.จว.หนองคาย ซ้อนแผนรวบยกแก๊ง เจอ 7 ข้อหาหนัก แต่ชั้นสอบสอนไม่ให้ความร่วมมือ ขอให้การในชั้นศาล "สมยศ"สั่งขยายผลเพราะทราบเบาะแสว่าทำมานาน หากผู้บังคับบัญชารู้เห็นดำเนินคดีเด็ดขาด ขู่ส่งชุดปฏิบัติการลงจับกุมโดยไม่ละเว้น

เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้(27 เม.ย.) พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ. 4 มายังสภ.เมือง จ.หนองคาย ร่วมกับพ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รองผบก.ภ.จว.หนองคาย พ.ต.อ.อภิศักดิ์ กรองทิพย์ ผกก.สภ.เมือง พ.ต.อ.ปรีดา ดวงพุทธา พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.เมือง เพื่อสอบปากคำร.ต.อ.สุรพัศ เพ็ญศรี รองสว.สส.สภ.เมือง จ.อุดรธานี ร.ต.ท.พีระพงษ์ ตรีพงษ์ รองสว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ร.ต.ต.สมเด็จ สุขรมย์ รองสว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ด.ต.ปกรณ์ สุขประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี ด.ต.ชัยณรงค์ อรดี ผบ.หมู่จร.สภ.เมืองอุดรธานี ด.ต.วีระวัฒน์ ตานุชนม์ ผบ.หมู่ (สส.) สภ.เมืองอุดรธานี นายธวัชชัย ทิพสุภา ตำรวจอาสา นายตี๋ อาจสุวรรณ์ และน.ส.พัชรมัย พรหมวิชลัย(ถูกจับกุมคดีค้ายาบ้า ท้องที่สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี)

โดยเชิญผู้เสียหายชาวเมืองสีโคดตะบอง สปป.ลาว 3 คน ประกอบด้วย ท้าวดวงคำ ตันทะแก้ว อายุ 60 ปี นางบัวจัน ตันทะแก้ว และท้าวพอนสะหวัน ตันทะแก้ว อายุ 14 ปี พ่อแม่ลูกมาสอบปากคำด้วย

หลังทั้งหมดถูกจับกุมเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 26 เม.ย. ที่ลานรับฝากรถ ตรงข้ามวัดจันทรสามัคคี ใกล้ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมือง จ.หนองคาย พร้อมยึดของกลางอาวุธปืนพกสั้น 7 กระบอก ซองกระสุนและกระสุนขนาดต่างๆจำนวนมาก ปืนลูกซองยาว 1 กระบอก เงินสด 300,000 บาท ยาบ้า 108 เม็ด ยาไอซ์ 1 ถุง รถกระบะ 2 คัน รถยนต์ 1 คัน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมือง จ.หนองคาย แจ้งข้อกล่าวหาว่า 7 ข้อ ได้แก่ 1.ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรืออย่างใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบในหน้าที่ 2.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากอิสระภาพในร่างกาย 3.ร่วมกันเอาตัวเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไป เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่

4.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน 5.พกพาอาวุธปืนเข้าไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร 6.ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย 7.ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย.

ร.ต.อ.สุรพัศ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดให้การว่า ตนมาขยายผลการจับกุมยาบ้า หลังจากที่จับน.ส.พัชรมัยคดีค้ายาบ้าในท้องที่สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี และจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น ส่วนน.ส.พัชรมัยก็รับสารภาพว่าถูกจับคดียาบ้าจริง และให้ความช่วยเหลือตำรวจขยายผลจับกุมตัวขบวนการ

ขณะที่นางบัวจันให้การว่า ตนพาลูกชายมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองหนองคาย ต่อมาท้าวทองคนรู้จักที่ฝั่งลาว โทรศัพท์มาหา บอกว่าจะมีคนฝากของมาให้ ขอให้ถือมาด้วย ไม่นานน.ส.พัชรมัยก็เดินเข้ามาแล้วยื่นของให้ตนจึงรับมา แล้วพาลูกชายมายังด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ซื้อตั๋วโดยสารรถข้ามสะพาน ก็ถูกตำรวจเข้าจับกุม ระบุว่ามีสิ่งของผิดกฎหมาย ตรวจค้นพบว่าห่อที่น.ส.พัชรมัยให้มา มีเงินสด 60,000 บาท ซึ่งตำรวจบอกว่านำเงินจำนวนมากออกนอกประเทศไม่ได้ แถมยังบอกว่าถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดี ให้ติดต่อญาตินำเงินมา 2 ล้านบาทเป็นค่าไถ่ตัว

จากนั้นพาตนกับลูกขึ้นรถไปยังรีสอร์ทแห่งหนึ่งในอ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย แล้วบังคับให้ตนถ่ายรูปคู่กับยาบ้า ตนจึงโทรศัพท์ไปหาท้าวดวงคำ ซึ่งเป็นสามีและเล่าเรื่องให้สามีฟัง สามีบอกว่ามีเงินเพียง 500,000 บาท กลุ่มตำรวจจึงบอกว่าเงินจำนวนนี้ไถ่ตัวลูกชายได้คนเดียว ต้องหามาเพิ่มอีก 1.5 ล้านบาทเพื่อไถ่ตัวตนออกไปด้วย

ด้านท้าวดวงคำ กล่าวว่า ทำงานเหมืองแร่อยู่ในประเทศลาว ส่วนนางบัวจันทำธุรกิจโรงแรมดวงจันทน์ อยู่ที่นครหลวงเวียงจันทน์ โดยตนรู้จักกับท้าวทอง เพราะเคยค้าขายด้วย เมื่อท้าวทองมาบอกว่าตำรวจจับนางบัวจันและลูกชายไว้ อ้างว่ามีสิ่งของผิดกฎหมาย ตนจึงพยายามติดต่อท้าวทองในเวลาต่อมา แต่ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว จึงขอความช่วยเหลือจากพล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.ภ.จว.หนองคาย ซึ่งซ้อนแผนจับกุม ซึ่งขออบคุณตำรวจหนองคายที่ช่วยเหลือทุกคนจนปลอดภัย

พล.ต.ท.บุญเลิศ กล่าวภายหลังว่า ได้รายงานให้พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ทราบ ซึ่งกำชับให้ดำเนินการไปตามถูกผิดอย่างเด็ดขาด ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีรายงานเข้ามาว่าตำรวจกลุ่มนี้มีพฤติกรรมดังกล่าว จนมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ถือว่าเป็นตำรวจแต่ทำความผิดเสียเอง ซ้ำยังไม่ให้ความร่วมมือการสอบสวน ที่อ้างว่าขยายผลจับกุมก็ไม่ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ไม่ประสานตำรวจท้องที่เกิดเหตุ หลังจากนี้จะตั้งคณะทำงานของภูธรภาค 4 มาสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีที่ตำรวจจังหวัดหนึ่งจับตำรวจอีกจังหวัดหนึ่ง และเพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหา

"เบื้องต้นได้สั่งให้ตำรวจทั้ง 6 นายออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมหรือไม่ต้องสอบปากคำอีกครั้ง ที่ผ่านมาตำรวจภาค 4 มีภาพลักษณ์ไม่ดี โดยเฉพาะจ.อุดรธานี ที่เพิ่งมีเหตุยิงพระมาหมาดๆ ก็มามีเหตุการณ์นี้อีก จึงต้องเร่งแก้ไขภาพลักษณ์ให้ดีขึ้น"

ทั้งนี้ เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 26 เม.ย. ที่ลานรับฝากรถตรงข้ามวัดจันทรสามัคคี ใกล้กับด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมือง จ.หนองคาย พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.ภ.จว.หนองคาย นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมือง และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหนองคายกว่า 60 นาย เข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางดังกล่าวข้างต้น

สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน นางพวงมาลี ตันทะแก้ว อายุ 20 ปี ชาวเมืองสีโคดตะบอง สปป.ลาว เข้าพบพล.ต.ต.ชูรัตน์ เพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากเย็นวันที่ 25 เม.ย. นางบัวจันและท้าวพอนสะหวัน แม่และน้องชายถูกกลุ่มคนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมือง จ.อุดรธานี จับกุมและตั้งข้อหาค้ายาบ้า ทั้งที่ครอบครัวไม่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งกลุ่มคนดังกล่าวให้แม่โทรศัพท์มาหาตน และให้นำเงิน 2 ล้านบาทมาไถ่ตัว ไม่เช่นนั้นจะนำตัวแม่และน้องชายไปส่งที่สถานีตำรวจ ด้วยความกลัวว่าแม่และน้องชายจะได้รับอันตราย จึงได้เข้าขอความช่วยเหลือจากพล.ต.ต.ชูรัตน์

จากนั้น พล.ต.ต.ชูรัตน์ทำการซ้อนแผนช่วยเหลือและจับกุม โดยให้นางพวงมาลีทำทีโทรศัพท์ต่อรองค่าไถ่จนเหลือ 3 แสนบาท และนัดจ่ายเวลา 19.00 น. ที่ลานจอดรถตรงข้ามจันทรสามัคคี มื่อถึงเวลานัด เจ้าหน้าที่ปลอมตัวเป็นคนขับรถแท็กซี่ พานางพวงมาลีพร้อมเงินสด 3 แสนบาทไปยังจุดนัดหมาย จนถึงลานจอดรถได้พบกลุ่มคนดังกล่าวและท้าวพอนสะหวัน ตำรวจที่ดักซุ่มอยู่จึงแสดงตัวจับกุม พร้อมยึดของกลาง

ต่อมา ร.ต.อ.สุรพัศ ขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค ทะเบียน กท 9951 อุดรธานี มากับนางบัวจัน โดยยืนยันว่าตนพร้อมพวกอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ขยายผลการจับกุมยาบ้า จึงถูกจับกุมพร้อมนำตัวทั้งหมดส่งสภ.เมือง จ.หนองคาย เพื่อดำเนิคดีตามกฏหมาย

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้สั่งการให้สืบสวนขยายผล หากพบผู้บังคับบัญชามีส่วนรู้เห็นจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดดังกล่าวมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการจับกุม เพื่อแลกกับทรัพย์สินในการปล่อยตัว และทำมาเป็นเวลานาน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบเบาะแสมาโดยตลอด จึงสั่งการให้บช.ภ. 4 เฝ้าดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด จนมาก่อเหตุซ้ำ ซึ่งได้ย้ำไปยังตำรวจทั่วประเทศว่า หากมีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์ จะส่งชุดปฏิบัติการพิเศษจากส่วนกลางลงไปสืบสวนจับกุมโดยไม่ละเว้น
กำลังโหลดความคิดเห็น