พัทยารวมพลังเชือดโรงแรมหัวหมอหากินบนความเสี่ยงนักท่องเที่ยว

ศูนย์ข่าวศรีราชา - พัทยาฟ้าเปลี่ยนสี! ท้องถิ่นรวมพลังจัดการโรงแรมพัทยาใต้ดื้อแพ่งหากินบนความเสี่ยงของนักท่องเที่ยวต่อเติมอาคารไม่ได้รับอนุญาต ลุยจริงเอาจริงสุดท้ายสั่งทุบเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นกรณีศึกษาให้ผู้ประกอบการหัวหมอรายใหม่ได้ฉุกคิดหากจะมาลงทุนในเมืองพัทยา

เมืองพัทยา เมืองท่องเที่ยวที่เปิดประตูรับนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศทั่วโลกแต่ละที่เข้ามาเยือนเป็นหลักล้าน นั่นหมายถึงศักยภาพความหลากหลายด้านการท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวต่างพร้อมจะหยิบเงินในกระเป๋าซื้อบริการและความพร้อมใจ หลากหลายธุรกิจที่เข้าตากลุ่มนักลงทุนได้เกิดขึ้นในเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ แม่เหล็กการท่องเที่ยวแห่งภาคตะวันออกที่หลายคนหมายจะมาเยือน หนึ่งในธุรกิจมากมายที่แตกหน่อผลิใบขยายฐานมากมายอย่างต่อเนื่องที่เห็นได้ชัดเจนนั่นคือ ธุรกิจโรงแรม และที่พักอาศัยสำหรับนักท่องเที่ยวที่ปัจจุบันมีมากกว่า 130,000 ห้อง

การดำเนินธุรกิจประเภทนี้ไม่แตกต่างอะไรกับธุรกิจประเภทอื่นที่ยังคงมีการแข่งขันชิงความได้เปรียบในเชิงธุรกิจ ในการแข่งขันบนเวทีที่อาศัยความพยายามสร้างรากฐานให้ตัวเองมีพื้นที่ทางธุรกิจ ทำให้กลุ่มนักธุรกิจเลือดดีรวมตัวกันสร้างจุดแข็งโดยร่วมกับเมืองพัทยาและหน่วยงานภาคการท่องเที่ยวร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวให้มีสีสันอยู่โดยตลอด ในภาพรวมความร่วมมือร่วมใจยกระดับเมืองท่องเที่ยวให้มีขีดความสามารถสูงสุดในการตอนรับนักท่องเที่ยวนี้ กลุ่มผู้ประกอบการสีเทาที่ลักลั่นทางธุรกิจก็แอบแฝงมาเหมือนเงาตามตัว

หนึ่งในนี้มีโรงแรมบูติค โฮเต็ล ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี กลางซอย วี.ซี.พัทยาใต้ ที่เมืองพัทยา มีคำสั่งให้สถานประกอบการดำเนินการรื้อถอนอาคารในส่วนที่ต่อเติมบริเวณชั้นบนอาคาร เนื่องจากพบว่า เป็นอาคารที่ผิด พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ที่ได้ก่อสร้างต่อเติมดัดแปลงอาคาร ค.ส.ล.ขนาด 5 ชั้น เป็น 7 ชั้นและอาคารขนาด 7 ชั้น เป็น 13 ชั้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น

โดยเมืองพัทยา ได้ดำเนินการออกคำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง รวมทั้งคำสั่งให้รื้อถอนอาคารตามมาตรา 42 พร้อมมอบหมายให้นิติกรเมืองพัทยา เป็นผู้ดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนก่อนส่งเรื่องฟ้องร้องในชั้นศาล ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังในการเข้าตรวจสอบ แต่ก็ยังพบว่ามีการลักลอบเปิดดำเนินการ จึงได้นำกำลังเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปแล้วบางส่วน พร้อมสั่งปิดการใช้อาคารเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีการปรับปรุงแล้วเสร็จ

จนในที่สุดนายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้การติดตามความคืบหน้าของคดี หลังรับแจ้งจากพนักงานสอบสวนว่า ได้ออกหมายจับศาลจังหวัดพัทยาที่ จ.274/2557 ต่อ นายอลงกรณ์ แซ่หวัง ซึ่งกระทำความผิดฐานก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารพาณิชยกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานท้องถิ่น ฝ่าฝืนคำสั่งของพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับรื้อถอน การดัดแปลงอาคาร และฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ห้ามใช้อาคาร คดีนี้ถือเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานานนับปี

โดยพบว่าก่อนหน้านี้ มีการขออนุญาตก่อสร้างโรงแรมขนาด 7 ชั้นและมีการลักลอบต่อเติมอาคารเป็น 11 ถึง 13 ชั้น ซึ่งถือว่าผิดขั้นตอนและสุ่มเสียงต่ออันตราย เป็นการกระทำผิดที่โจ่งแจ้งและเป็นรูปธรรมแต่ไม่ได้รับการแก้ไขจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีต้องเข้ามากำกับดูแลและเพิ่มความเข้มงวดด้วยตัวเอง

“อาคารดังกล่าวในส่วนที่มีการดัดแปลงก่อสร้างนั้นถือว่าไม่ผ่านขั้นตอนของมาตรการตรวจสอบความปลอดภัย และอาจเกิดผลกระทบด้านความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการในอนาคตได้ ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยว หากปล่อยทิ้งไว้ก็อาจเกิดปัญหาด้านความปลอดภัยจนสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศอย่างรุนแรง” นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ระบุ

ภายใต้ท้องฟ้าที่ดูอึมครึมมานานกลับเหมือนมีแสงสว่างแผ่เข้ามายังเมืองพัทยา เมื่อกลุ่มนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว รวมถึงภาคประชาชน และสื่อมวลชน ต่างให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าวอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะที่สำคัญเรื่องราวได้ถูกแพร่กระจายไปในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กอย่างรวดเร็ว จนความชัดเจนด้านการทำงานจัดการแก้ไขปัญหาเริ่มมีให้เห็นขึ้นผ่านสื่อออนไลน์ รวมถึงสื่อท้องถิ่นต่างๆ อย่างคึกคัก

ล่าสุดภาพที่เห็น คือ เจ้าหน้าที่เมืองพัทยาได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.14 นำกำลังรื้อถอนอาคารดังกล่าว เนื่องจากได้ให้ระยะเวลาการรื้อถอน แก่เจ้าของกิจการในการดำเนินการเองไปแล้ว แต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ เมืองพัทยาจึงได้สรุปเรื่องแจ้งดำเนินคดีไปยัง สภ.เมืองพัทยา พร้อมส่งเรื่องฟ้องร้องต่อศาล ฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น ซึ่งขณะนี้เรื่องยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาในชั้นศาล

ส่วนการรื้อถอนอาคารดังกล่าวเบื้องต้นนั้นได้ทำการรื้อทุบผนังของอาคารบางส่วน และทำนำแท่งปูนหรือแบริเออร์ปิดกั้นตัวอาคารไม่ให้สามารถใช้การได้ ในส่วนของตึกใหญ่ที่มีความสูง 13 ชั้นนั้น ต่อไปก็จะเป็นขั้นตอนประมูลหาผู้จัดซื้อจัดจ้างมารับช่วงต่อจากเจ้าหน้าที่เมืองพัทยา ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กองช่าง และนิติกรเมืองพัทยา ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายมาโดยตลอด ซึ่งเจ้าของอาคารเองก็รับทราบในทุกขั้นตอน

การลักลั่นของสถานประกอบการยังคงแฝงตัวในทุกการเติบโตของเมืองธุรกิจ หลายฝ่ายมองดูว่าเป็นการเอารัดเอาเปรียบคนท้องถิ่น รวมถึงผู้ต้องที่ส่วนเกี่ยวข้องต่อการพัฒนาท้องถิ่นในมีความเจริญอย่างยั่งยืน สิ่งสำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหาให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ให้หมดไปจากเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังในทุกภาคส่วนอันจะเป็นพลังสำคัญที่ช่วยเปิดฟ้าให้เมืองพัทยาดูสดใสขึ้นมามากขึ้น จะหวังเพียงกำลังของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดคงไม่เพียงพอ ทุกสายตาควรสอดส่องและร่วมมือกันจนเรื่องราวข้างต้นเป็นกรณีศึกษาให้ผู้ประกอบการหัวหมอรายต่อไปจะได้ไม่เหิมกล้าท้าทายอำนาจรัฐหากินบนความเสี่ยงของนักท่องเที่ยวได้อีกต่อไป