อุดรธานี - คึกคักวันสุดท้ายชาวอุดรฯ 259 รายแห่ขึ้นทะเบียนแสดงตนครอบครองงาช้าง เป็นงาช้างสมบูรณ์ 567 กิ่ง งาช้างท่อน 74 ท่อน และผลิตภัณฑ์งาช้าง 1,240 ชิ้น
วันนี้ (21 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 (อุดรธานี) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการแจ้งครอบครองงาช้าง ได้มีประชาชนทยอยมาขึ้นทะเบียนจำนวนมาก มีทั้งงาช้างบ้าน รวมถึงที่ทำเป็นเครื่องประดับ สร้อยคอ แหวน เครื่องรางแกะสลักรูปแบบของพระเกจิอาจารย์วัดต่างๆ ซึ่งตามกฎหมายให้ครอบครองได้ไม่เกิน 12 ชิ้นต่อครัวเรือน หรือน้ำหนักงาช้างต้องไม่เกินครึ่งกิโลกรัม ส่วนผู้ครอบครองงาช้างบ้านจะยกเว้นเฉพาะการครอบครองแบบบุคคลทั่วไป โดยไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า
ว่าที่ พ.ต.สมคิด กิจเอื้อวิริยะ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่ อนุรักษ์ที่ 10 (อุดรธานี) เปิดเผยว่า จากนโยบายของ คสช.ที่มีแนวทางป้องกันปัญหาอาชญากรรมค้าสัตว์ป่า พร้อมเห็นชอบปรับปรุงแก้ไขกฎหมายอย่างจริงจัง หวังฟื้นความเชื่อมั่นจากต่างชาติ เนื่องจากประเทศไทยเป็น 1 ใน 8 ประเทศที่ถูกจับตาเป็นพิเศษ เกี่ยวกับปัญหาการลักลอบค้างาช้างแบบผิดกฎหมาย และเป็นตลาดค้างาช้างที่สำคัญของโลก อาจทำให้นานาชาติคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจการค้าได้
ทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ จึงได้เร่งจัดระเบียบช้างบ้านในประเทศไทยให้เป็นระบบ พร้อมดำเนินการขึ้นทะเบียนบัญชีผู้ค้างาช้างบ้านของไทยให้เป็นปัจจุบัน
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวมีการแก้กฎหมายสำคัญ 2 ฉบับ คือ 1. การตราพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2557 แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2557 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2557 และ 2. การตราพระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. 2558 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2558 เป็นต้นมา
ว่าที่ พ.ต.สมคิดกล่าวอีกว่า ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค. 58 เป็นต้นมาจนถึงช่วงเช้าวันนี้มีผู้มาขอขึ้นทะเบียนแล้ว 259 ราย แยกเป็นงาช้างสมบูรณ์ 567 กิ่ง น้ำหนัก 2,169 กิโลกรัม งานช้างท่อน 74 ท่อน น้ำหนัก 69.415 กิโลกรัม ผลิตภัณฑ์งาช้าง 1,240 ชิ้น น้ำหนัก 177.054 กิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม หลังจากวันนี้จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับผู้ครอบครองงาช้าง และผู้ค้างาช้างบ้านที่ไม่จดทะเบียนพาณิชย์ และไม่จัดทำบัญชีให้ถูกต้อง โดยจะมีการดำเนินคดีพร้อมเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด คือให้ผู้ที่มีงาช้างบ้านรวมถึงสิ่งของใดๆ ที่ทำจากงาช้างบ้านไว้ในครอบครอง ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 3,000,000 บาท
จึงขอแจ้งเตือนผู้ประกอบการค้างาช้างบ้านให้ไปดำเนินการให้ถูกต้อง หากสิ้นสุดในวันที่ 21 เม.ย. 58 แล้วตรวจพบจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-4222-1725 ต่อ 601 โดย จ.หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม สามารถแจ้งการครอบครองได้ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 อุดรธานี ซึ่งได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในการกรอกข้อความต่างๆ เพื่อให้รวดเร็ว ไม่เสียเวลามาก รวมทั้งไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ