ศูนย์ข่าวขอนแก่น - กกต.ร่วมศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับฟังปัญหา กกต.จังหวัด หลังพบซื้อสิทธิขายเสียงในภาคอีสานมาเป็นอันดับ 1 หวังปรับปรุงคู่มืองานด้านสืบสวนคดีให้เกิดประสิทธิภาพต่อการพิจารณาคดี เผยยังมีคดีเลือกตั้งทั่วประเทศที่ต้องเร่งสะสางอีก 60 คดี
วันนี้ (2 เม.ย.) ที่ห้องประชุมภูพาน โรงแรมขอนแก่น โฮเต็ล อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการ “การดำเนินคดีเลือกตั้งระดับภูมิภาค” นำร่อง 12 จังหวัดภาคอีสานครั้งแรก โดยสำนักงาน กกต.ร่วมกับศาลอุทธรณ์ภาค 4 ทั้งนี้เพื่อรับฟังความเห็นการปฏิบัติงานในส่วนภูมิภาค เพื่อนำมาแก้ไขปรับปรุงคู่มือการปฏิบัติงาน กฎหมาย และระเบียบด้านสืบสวนสอบสวน รวมถึงพัฒนากระบวนการสืบสวนสอบสวน และการดำเนินคดีเลือกตั้งในศาลให้มีประสิทธิภาพ
กลุ่มเป้าหมายครั้งนี้ ประกอบด้วย กกต.ประจำจังหวัด ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง (ผอ.กต.) ประจำจังหวัด รอง ผอ.กต.ประจำจังหวัด หัวหน้างานสืบสวนสอบสวนและพนักงานสืบสวนสอบสวนในพื้นที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รวม 12 จังหวัด จำนวน 130 คน โดยมีประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลอุทธรณ์ภาค 4 ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ
นายบุญส่งเปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อรวบรวมปัญหาและข้อเสนอแนะจาก กกต.ประจำจังหวัด 12 จังหวัดภาคอีสาน มาปรับปรุงแนวทางระบบงานสืบสวนสอบสวนให้มีประสิทธิภาพ และเป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงประสิทธิภาพด้านการพิจารณาคดีการเลือกตั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นไปโดยสุจริตและลดจำนวนคดีความ
สำหรับคดีเลือกตั้งในส่วนของภาคอีสาน พบมีมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ได้แก่ การซื้อสิทธิขายเสียง ที่เป็นปัญหาระดับชาติ การส่อทุจริตในหน้าหน้าที่ของ กกต.ประจำจังหวัด และการไม่รู้กฎหมาย รวมถึงการใช้นโยบายประชานิยม และจากทั่วประเทศพบคดีเลือกตั้งรวมกว่า 60 เรื่องที่ต้องเร่งสะสางให้แล้วเสร็จ
ซึ่งตนมองว่าการใช้นโยบายหาเสียงแบบประชานิยมของพรรคการเมืองต่างๆ จะต้องมีการตรวจสอบดีไหม และนโยบายประชานิยมที่ว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่ หากทำไม่ได้จะเข้าข่ายหลอกลวง และให้ถูกถอดถอนสิทธิ ดังนั้นระบบการเลือกตั้งครั้งหน้าต้องมีความชัดเจน ถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้
สำหรับความเห็นจากที่ประชุมมองว่า การดำเนินคดีเลือกตั้งควรใช้สำนวนของ กกต.เป็นหลัก โดย กกต.ต้องปรับปรุงระบบงานสืบสวนสอบสวนให้เป็นสากล และควรแก้ไขกฎหมายให้พนักงานสืบสวนสอบสวนของสำนักงาน กกต.มีอำนาจออกหมายเรียกค้นหรือจับ และควรเป็นพนักงานตาม ป.วิฯ อาญา ทั้งนี้ควรมีกำหนดให้มีมาตรการคุ้มครองพยานในคดีเลือกตั้งด้วย
อนึ่ง กกต.เตรียมแผนลงพื้นที่ต่อไปในเขตอำนาจศาลอุทธรณ์ภาค 4 รวม 9 ภาค เพื่อทำการรวบรวมความเห็นจาก กกต.ประจำจังหวัด เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ระบบการเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริตและโปร่งใส
