กกต.ชี้ กม.ไม่ชัดเหตุยกฟ้องคดีเลือกตั้ง ศาลแนะ พนง.สืบสวนว่าความเอง ลดขั้นตอน

“บุญส่ง” บรรยายพัฒนาระบบสอบสวนวินิจฉัยคดีเลือกตั้ง ชี้ปัญหาถูกยกฟ้อง เหตุระเบียบ กม.ไม่ชัด กกต.เลยถูกมองขาดประสิทธิภาพ จี้ปรับปรุงคู่มือ ปธ.แผนกคดีเลือกตั้งศาลอุทธรณ์ฯ แนะลดขั้นตอนให้ถึงศาลเร็วขึ้น ชี้ พนง.สืบสวนไม่ว่าความเอง คดีจึงถูกยก

วันนี้ (2 เม.ย.) นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านสืบสวนสอบสวน บรรยายพิเศษตอนหนึ่งเรื่องการพัฒนาระบบงานสอบสวนสืบสวนและการวินิจฉัยคดีเลือกตั้ง ให้แก่ กกต.ประจำจังหวัด ผอ.กกต.ประจำจังหวัด หัวหน้างานและพนักงานสืบสวนในพื้นที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รวม 12 จังหวัดอีสาน ที่สำนักงาน กกต.ร่วมกับศาลอุทธรณ์ภาค 4 จัดประชุมเชิงวิชาการเรื่องการดำเนินคดีเลือกตั้งระดับภูมิภาคขึ้นเพื่อรับทราบปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงานสืบสวนสอบสวน ข้อเสนอและความคิดเห็นของผู้ที่มาปฏิบัติงานในส่วนภูมิภาคนำมาแก้ไขและปรับปรุงคู่มือปฏิบัติงานสืบสวนสอบสวน กฎหมายและระเบียบการสืบสวนสอบสวน ตลอดจนพัฒนากระบวนการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีเลือกตั้งในศาลให้มีประสิทธิภาพว่า คดีเลือกตั้งถูกยกคำร้องทั้งในส่วนกลาง และภูมิภาค ส่วนหนึ่งปัญหาเกิดจากระเบียบกฎหมายไม่ชัดเจน ทำให้ กกต.ถูกมองเหมือนขาดประสิทธิภาพในการทำงาน ที่ผ่านมาคดีที่ กกต.ส่งไปให้ศาลพิจารณามีการยกคำร้องไปเกือบครึ่ง และที่ศาลลงโทษมีเพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จึงต้องเอาปัญหาต่างๆ มาปรับปรุงคู่มือปฏิบัติงานสืบสวนสอบสวนให้สมบูรณ์ ขณะเรานี้ได้ทำคู่มือเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องเอามารับฟังความคิดเห็นผู้ปฏิบัติว่าจะต้องปรับปรุงแก้ไขตรงไหนอีกหรือไม่ โดยจะมีการประชุมเช่นนี้อีก 8 ครั้งเพื่อให้ได้คู่มือฯที่มีความสมบูรณ์มากที่สุด

จากนั้นนายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล ประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลอุทธรณ์ ภาค 4 กล่าวบรรยาย เรื่อง “ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะนำในการพิจรณาคดีเลือกตั้ง” ตอนหนึ่งว่า ขั้นตอนการดำเนินคดีของ กกต.ต้องมีการคัดค้านการเลือกตั้งเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน แต่กว่าจะมาถึง กกต.ประจำจังหวัด และกว่าสำนวนจะมาถึง กกต.ทุกสำนวนใช้เวลานานกว่า 1 ปี หากเราลดขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนให้น้อยลงจะทำให้ส่งถึงศาลได้เร็วขึ้น ปัญหาส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการที่พนักงานสืบสวนสอบสวนไม่ได้เข้าไปว่าความด้วย จึงทำให้หลายๆ คดีถูกยกไป ถือว่าเป็นประเด็นที่สำคัญมากที่จะต้องนำมาพูดคุยกัน