xs
xsm
sm
md
lg

จับสาวแสบมีหมายฉ้อโกงกว่า 20 คดี ตุ๋นคนไปทั่วตั้งแต่ร้านรถเช่ายันพระสงฆ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจภาค 5 ตามรวบสาวใหญ่ตัวแสบ มีหมายจับคดีฉ้อโกงมากกว่า 20 คดี เผยมีทั้งอ้างตัวเป็นคนมีฐานะตระเวนเช่ารถให้ฝรั่ง แต่กลับเชิดไปขาย-จำนำมากกว่า 35 คัน หลอกกู้ยืมเงินชาวบ้านไปทั่วไม่พอ ยังตุ๋นพระและชาวบ้านหลายอำเภอลงขันซื้อที่ดิน


วันนี้ (31 มี.ค.) พล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมเจ้าหน้าที่ ควบคุมตัวนางมณีรัตน์ หรือนางกฤติยาวารี ศรุณานิธิโรจน์ อายุ 47 ปี หรือเจ้แหม่ม ที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค 5 ติดตามจับกุมได้ในกรุงเทพมหานคร และควบคุมตัวมาดำเนินคดีที่ จ.เชียงใหม่ ตามหมายจับข้อหายักยอกทรัพย์และฉ้อโกงประชาชนมากกว่า 20 คดี

โดยมีผู้เสียหายที่เป็นเจ้าของร้านรถเช่า และประชาชนที่ถูกหลอกมารุมชี้ตัวจำนวนมาก พร้อมระบุว่านางมณีรัตน์ได้เช่ารถยนต์และนำไปขายแต่ตามยึดคืนมาได้บางส่วน ซึ่งระหว่างผู้เสียหายมาเห็นหน้าเกิดมีปากเสียงกันขึ้น ผู้เสียหายบางรายถึงกับร้องไห้ ที่ต้องสูญเงินไปเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ นางมณีรัตน์ได้เข้าไปตีสนิทกับเจ้าของร้านรถเช่าทีเจ คาร์เร้นท์ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมกับพาไปดูบ้านของตนเองเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และหลอกลวงว่าเป็นคนมีฐานะดี รู้จักนักธุรกิจต่างชาติ โดยจะขอเช่ารถยนต์เป็นรายเดือนเพื่อนำไปให้ลูกค้าซึ่งเป็นชาวต่างชาติเช่าต่อ โดยผู้ต้องหาได้เช่ารถยนต์จากร้านดังกล่าวเป็นรายเดือน ครั้งละ 2 คัน เดือนแรกและเดือนที่สองส่งค่าเช่าตรงตามปกติ แต่เดือนที่สามได้ผัดผ่อนไม่ส่งค่าเช่ารถ

ต่อมาเจ้าของรถยนต์ที่ให้ผู้ต้องหาเช่าได้ติดตามรถยนต์ของตนเองคืนได้ และพบว่ารถยนต์ถูกนำไปจำนำในสถานที่ต่างๆ เจ้าของรถยนต์จึงได้สอบถามผู้ต้องหา รับว่านำรถยนต์ไปจำนำจริง และจะหาเงินคืนให้ แต่ไม่แจ้งว่าจำนำไว้ที่ใดบ้าง บรรดาเจ้าของรถที่ได้รับความเสียหายจึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน

จากการสอบสวนทราบว่าผู้ต้องหาเช่ารถประมาณ 35 คัน ซึ่งเจ้าของรถได้ติดตามรถคืนมา 15 คัน อีกประมาณ 20 คันยังไม่สามารถติดตามรถกลับคืนมาได้ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่เสียหายประมาณ 10 ล้านบาทเศษ

นอกจากนี้ผู้ต้องหายังได้หลอกลวงบุคคลอื่นอีกจำนวนมาก โดยไปตีสนิทกับบุคคลที่มีฐานะดี และหลอกให้ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเป็นนักธุรกิจ มีฐานะ ต้องการนำเงินไปลงทุนจำนวนหนึ่ง โดยทำสัญญากู้ยืมเงินจากผู้เสียหาย และจะให้ดอกเบี้ยสูง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อยอมให้กู้เงิน

แต่เมื่อถึงเวลาต้องชำระเงินกู้ ผู้ต้องหากลับอ้างกับผู้เสียหายว่ายังต้องลงทุนเพิ่ม และให้ผู้เสียหายหาบุคคลอื่นที่มีเงินมาให้กู้ยืม โดยผู้ต้องหาได้เป็นผู้กู้ และให้ผู้เสียหายเป็นผู้ค้ำประกัน จากนั้นนำเงินที่กู้มาได้คืนให้ผู้เสียหายส่วนหนึ่ง ต่อจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ ซึ่งผู้ต้องหาได้กระทำความผิดลักษณะนี้หลายครั้ง มีผู้เสียหายได้มาร้องทุกข์ และให้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท

พล.ต.ต.ประจวบกล่าวว่า ผู้ต้องหายังอ้างตัวเป็นนักธุรกิจค้าที่ดินไปหลอกพระสงฆ์และประชาชนให้ร่วมลงทุนซื้อที่ดินมูลค่านับร้อยล้านบาทแต่ยังขาดเงินทุน จึงชักชวนให้ร่วมลงทุน รายละตั้งแต่ 2 แสนบาท จนถึงกว่า 1 ล้านบาท โดยมีการเขียนเช็คค้ำประกันไว้ และจะให้เงินตอบแทนที่สูง ทำให้พระสงฆ์และประชาชนใน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อมากกว่า 20 ราย นอกจากนั้นยังไปหลอกผู้เสียหายใน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ อีกหลายรูปแบบ รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท

ทั้งนี้ เชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมาก หากผู้เสียหายรายใดเคยถูกนางมณีรัตน์หรือนางกฤติยาวารีหลอกลวง ก็ขอให้มาแจ้งความหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ได้ ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5



กำลังโหลดความคิดเห็น