ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าของรถ 7 คัน ถูกเชิดหลังปล่อยเช่า ร้องศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ตขอความเป็นธรรมเร่งรัดคดีตามจับคนเช่า หวั่นคดีไม่คืบ พร้อมติดตามเอารถคืน เผยบางคันไปโผล่ที่ลาวแล้ว
วันนี้ (2 มี.ค.) ที่ห้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต นายนพพล ธาดากุล พร้อมด้วย น.ส.ศิริพร ชื่นวนารัตน์ นางปรียา จะนิตย์ นายประเจน จะนิตย์ น.ส.เพ็ญนภา เอื้อทยา และนางจารึก ผลประสาน ซึ่งเป็นผู้เสียหายกรณีปล่อยรถเช่า และถูกคนเช่านำไปจำนำต่อ ร่วมกันยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอให้เร่งรัดในเรื่องของการดำเนินคดี ติดตามจับกุมคนที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และเร่งติดตามทวงคืนรถที่ถูกเชิดไป ซึ่งขณะนี้มี จำนวน 7 คัน โดยมี นายประพันธ์ ขันพระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต รับเรื่องร้องเรียน
นายประเจน จะนิตย์ หนึ่งในผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้รับการติดต่อจากผู้เช่ารถรายหนึ่ง ซึ่งจะนำรถไปให้คนอื่นเช่าต่อ โดยติดต่อผ่านเพื่อนที่รู้จักมา โดยให้เช่ารถไปเมื่อประมาณเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ในราคาวันละ 1,000 บาท ซึ่งช่วงแรกก็มีการจ่ายเงินมาตามปกติ แต่เมื่อครบกำหนดคนเช่าไม่เอารถคืนตามที่กำหนด จึงได้ติดต่อทวงถามแต่ไม่คืบหน้า แต่ไม่มีการตอบรับ และทราบว่าเอารถของตนไปจำนำต่อ หลังจากนั้น ก็ได้แจ้งความต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีการเชิญตัวคนเช่ามาสอบปากคำ แต่ก็มีการปล่อยตัวไปโดยไม่มีการประกันตัว หรือแจ้งข้อหาแต่อย่างใด และเกรงว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดี และติดตามรถคืน จึงรวมตัวกันมาเดินทางยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรม
ขณะที่หลานสาวของ นางศิริพร ชื่นวนารัตน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า สาเหตุที่ให้เช่าไปเพราะเจ้าของรถรู้จักสนิทสนมกับคนเช่าเป็นอย่างดี และคนเช่าได้นำรถไปให้เช่าต่อ โดยให้เช่ามาตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ตกลงจ่ายค่าเช่ากันเป็นรายเดือน แต่ที่ผ่านมา ยังไม่เคยได้รับค่าเช่า จนกระทั่งเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ตนทราบเรื่องก็เลยติดตามทวงคืน แต่ก็ไม่ได้รถคืนมาจึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อทางผู้เช่า แต่ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด จึงได้เดินทางมาร่วมกันยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต สำหรับรถของป้าตนนั้นจากการตรวจสอบ และติดตามจากระบบจีพีเอส ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา พบรถคันดังกล่าวอยู่ที่ประเทศลาวแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้อีก
นางเพ็ญนภา เอื้อทยา อีกหนึ่งผู้เสียหาย กล่าวว่า ในส่วนของตนมีผู้เสียหายร่วมอีก 2 คน ซึ่งมีการติดต่อเช่ารถมาพร้อมกัน ซึ่งไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว โดยคนเช่าติดต่อผ่านทางเต็นท์รถมา ซึ่งมีการทำสัญญาเช่า ตกลงเช้ากันในราคาเดือนละ 15,000 บาทต่อคันต่อเดือน เดือนแรกมีการจ่ายเงินตามปกติ แต่พอครบสัญญาเช่ากลับไม่เอารถมาคืน ติดตามคืนก็ไม่สามารถติดต่อได้ ต้องให้คนอื่นติดต่อไป ทราบว่า มีรถคันหนึ่งที่คนเช่าเอาไปจำนำต่อ ตนจึงได้ไปแจ้งความ จนทราบว่าคนเช่ารายนี้ทำกับคนอื่นในลักษณะเดียวกับตนมาแล้วหลายราย กลัวว่าจะไปทำกับคนอื่นต่อจึงได้มาแจ้งความดำเนินคดี และร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้
ด้าน นายประพันธ์ ขันพระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.ภูเก็ต กล่าวว่า เรื่องเรื่องนี้เป็นเรื่องของการยักยอกทรัพย์ ซึ่งผู้เสียหายบางคนก็ทำสัญญาเช่า แต่บางคนไม่ได้ทำโดยเป็นเพียงการตกลงกันทางวาจาเท่านั้น ซึ่งในเรื่องทางคดีผู้เสียหายจะต้องฟ้องดำเนินคดีในข้อหาผิดสัญญายักยอกทรัพย์ ส่วนคนที่รับจำนำไป และนำรถไปไม่เอามาคืนก็ต้องแจ้งความดำเนินคดีเช่นกัน ส่วนกรณีผู้ร้องไม่มั่นใจในการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น ทางศูนย์ดำรงธรรมจะรับเรื่อง และส่งเรื่องของร้องเรียนทั้งหมดให้แก่ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เพื่อตรวจสอบ และติดตามความคืบหน้าคดีที่เกิดขึ้น
วันนี้ (2 มี.ค.) ที่ห้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต นายนพพล ธาดากุล พร้อมด้วย น.ส.ศิริพร ชื่นวนารัตน์ นางปรียา จะนิตย์ นายประเจน จะนิตย์ น.ส.เพ็ญนภา เอื้อทยา และนางจารึก ผลประสาน ซึ่งเป็นผู้เสียหายกรณีปล่อยรถเช่า และถูกคนเช่านำไปจำนำต่อ ร่วมกันยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอให้เร่งรัดในเรื่องของการดำเนินคดี ติดตามจับกุมคนที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และเร่งติดตามทวงคืนรถที่ถูกเชิดไป ซึ่งขณะนี้มี จำนวน 7 คัน โดยมี นายประพันธ์ ขันพระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต รับเรื่องร้องเรียน
นายประเจน จะนิตย์ หนึ่งในผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้รับการติดต่อจากผู้เช่ารถรายหนึ่ง ซึ่งจะนำรถไปให้คนอื่นเช่าต่อ โดยติดต่อผ่านเพื่อนที่รู้จักมา โดยให้เช่ารถไปเมื่อประมาณเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ในราคาวันละ 1,000 บาท ซึ่งช่วงแรกก็มีการจ่ายเงินมาตามปกติ แต่เมื่อครบกำหนดคนเช่าไม่เอารถคืนตามที่กำหนด จึงได้ติดต่อทวงถามแต่ไม่คืบหน้า แต่ไม่มีการตอบรับ และทราบว่าเอารถของตนไปจำนำต่อ หลังจากนั้น ก็ได้แจ้งความต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีการเชิญตัวคนเช่ามาสอบปากคำ แต่ก็มีการปล่อยตัวไปโดยไม่มีการประกันตัว หรือแจ้งข้อหาแต่อย่างใด และเกรงว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดี และติดตามรถคืน จึงรวมตัวกันมาเดินทางยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรม
ขณะที่หลานสาวของ นางศิริพร ชื่นวนารัตน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า สาเหตุที่ให้เช่าไปเพราะเจ้าของรถรู้จักสนิทสนมกับคนเช่าเป็นอย่างดี และคนเช่าได้นำรถไปให้เช่าต่อ โดยให้เช่ามาตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ตกลงจ่ายค่าเช่ากันเป็นรายเดือน แต่ที่ผ่านมา ยังไม่เคยได้รับค่าเช่า จนกระทั่งเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ตนทราบเรื่องก็เลยติดตามทวงคืน แต่ก็ไม่ได้รถคืนมาจึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อทางผู้เช่า แต่ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด จึงได้เดินทางมาร่วมกันยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต สำหรับรถของป้าตนนั้นจากการตรวจสอบ และติดตามจากระบบจีพีเอส ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา พบรถคันดังกล่าวอยู่ที่ประเทศลาวแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้อีก
นางเพ็ญนภา เอื้อทยา อีกหนึ่งผู้เสียหาย กล่าวว่า ในส่วนของตนมีผู้เสียหายร่วมอีก 2 คน ซึ่งมีการติดต่อเช่ารถมาพร้อมกัน ซึ่งไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว โดยคนเช่าติดต่อผ่านทางเต็นท์รถมา ซึ่งมีการทำสัญญาเช่า ตกลงเช้ากันในราคาเดือนละ 15,000 บาทต่อคันต่อเดือน เดือนแรกมีการจ่ายเงินตามปกติ แต่พอครบสัญญาเช่ากลับไม่เอารถมาคืน ติดตามคืนก็ไม่สามารถติดต่อได้ ต้องให้คนอื่นติดต่อไป ทราบว่า มีรถคันหนึ่งที่คนเช่าเอาไปจำนำต่อ ตนจึงได้ไปแจ้งความ จนทราบว่าคนเช่ารายนี้ทำกับคนอื่นในลักษณะเดียวกับตนมาแล้วหลายราย กลัวว่าจะไปทำกับคนอื่นต่อจึงได้มาแจ้งความดำเนินคดี และร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้
ด้าน นายประพันธ์ ขันพระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.ภูเก็ต กล่าวว่า เรื่องเรื่องนี้เป็นเรื่องของการยักยอกทรัพย์ ซึ่งผู้เสียหายบางคนก็ทำสัญญาเช่า แต่บางคนไม่ได้ทำโดยเป็นเพียงการตกลงกันทางวาจาเท่านั้น ซึ่งในเรื่องทางคดีผู้เสียหายจะต้องฟ้องดำเนินคดีในข้อหาผิดสัญญายักยอกทรัพย์ ส่วนคนที่รับจำนำไป และนำรถไปไม่เอามาคืนก็ต้องแจ้งความดำเนินคดีเช่นกัน ส่วนกรณีผู้ร้องไม่มั่นใจในการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น ทางศูนย์ดำรงธรรมจะรับเรื่อง และส่งเรื่องของร้องเรียนทั้งหมดให้แก่ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เพื่อตรวจสอบ และติดตามความคืบหน้าคดีที่เกิดขึ้น
