จันทบุรี - กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย และชาวกัมพูชากว่า 200 ราย เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจันทบุรี หลังถูกเจ้าของตลาดจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านซับตารี เปลี่ยนสัญญาเช่าจากรายปี 20,000 บาท เป็นรายเดือนๆ ละ 1,000 บาท พ่อค้าแม่ค้าเผยต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเพราะได้มีการจ่ายสัญญาเช่าหลายปีไปแล้ว วอนหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ
วันนี้ (2 มี.ค.) ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดจันทบุรี กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย และชาวกัมพูชา นำโดยนายประสิทธิ์ โพธิ์ทอง และนางจำปา แสนนพรัตน์ ได้นำกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย และชาวกัมพูชาที่ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 200 ราย เดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม หลังถูกเจ้าของตลาดจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านซับตารี เปลี่ยนสัญญาเช่า เพื่อให้ทางศูนย์ดำรงธรรมได้ช่วยเหลือ โดยมี น.ส.ศิริพา ฮายีมะ เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมเป็นผู้รับเรื่อง
สำหรับการเดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมของกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย และชาวกัมพูชาในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าของตลาดจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านซับตารี หมู่ที่ 2 ตำบลซับตารี อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ได้มีการเปลี่ยนสัญญาเช่าจากเดิมเจ้าของตลาดเคยเก็บค่าเช่าล็อกปีละ 20,000 บาท
แต่ปัจจุบันได้มาเปลี่ยนสัญญาเช่าใหม่โดยการเก็บเป็นรายเดือนล๊อคละ 1,000 บาท ทำให้พ่อค้าแม่ค้าชาวไทย และชาวกัมพูชาเดือดร้อนต้องมาเสียเงินค่าเช่าสัญญาเพิ่มขึ้น ประกอบกับพ่อค้าแม่ค้าได้มีการลงทุนในการต่อเติมอาคาร และปรับปรุงล็อคขายของไปแล้ว ทั้งที่สัญญาเช่าแบบรายปีที่ทำไว้กับพ่อค้าแม่ค้าก็ยังไม่หมดสัญญาเช่า แต่กลับมาเปลี่ยนสัญญาเช่าใหม่เป็นรายเดือนอีก จึงทำให้พ่อค้าแม่ค้าได้รับความเดือดร้อน และไม่ได้รับความเป็นธรรม
เรื่องนี้ทางกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย และชาวกัมพูชาเคยไปยื่นเรื่องต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสอยดาวแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ วันนี้จึงได้รวมตัวมายื่นหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดจันทบุรี เพื่อให้นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย และชาวกัมพูชาที่ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 200 ราย อย่างเร่งด่วน เพราะปัจจุบันกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเคยถูกเจ้าของตลาดข่มขู่มาแล้วหลายครั้ง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา ก็ถูกเจ้าของตลาดเข้ามาพูดข่มขู่ และทางกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าก็ได้เข้าไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสะตอน ไว้เป็นหลักฐานแล้ว ขณะที่ศูนย์ดำรงจังหวัดจันทบุรี ได้รับเรื่อง และรับปากจะมีการช่วยเหลือ และจะประสานให้ทางอำเภอสอยดาว ลงไปดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการค้าขายตามแนวชายแดนจังหวัดจันทบุรีต่อไปอีกด้วย