เชียงใหม่ - ตำรวจภูธรภาค 5 นำหมายศาลฯ ตามรวบ “โกเก๊า-ประเสริฐ ภู่พิสิฐ” อดีตนายก อบจ.ลำพูน คนดัง ฐานทุจริตลำใยตั้งแต่ปี 47 รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 200 ล้านบาท ก่อนหิ้วเข้าห้องสอบสวนเครียด เบื้องต้นผู้ต้องหาปฏิเสธ ยันตัวเองบริสุทธิ์ เคยถูกฟ้องมาแล้ว 2 ครั้งศาลยกฟ้องหมด ลั่นหากผิดจริงพร้อมชดใช้ทุกบาททุกสตางค์
วันนี้ (24 มี.ค.) พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมเจ้าหน้าที่ได้แถลงข่าวจับกุมตัวนายประเสริฐ หรือโกเก๊า ภู่พิสิฐ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ตามหมายจับของศาลจังหวัดลำพูน ในฐานความผิดรวม 8 ข้อหา คือ
“แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยมีประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ใช้หรืออ้างเอกสารราชการที่แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ, ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันปลอมเอกสารและให้เอกสารปลอม (ใบเสนอขายลำไย, ต้นขั้วเช็ค)
ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม (แบบ อ.ต.ก.สพ.10) สนับสนุนงานองค์กรของรัฐ และสนับสนุนพนักงานองค์กรของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, สนับสนุนเจ้าหนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต”
พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์กล่าวว่า คดีโครงการลำไยอบแห้งในจังหวัดลำพูนเกิดขึ้นเมื่อปี 2547 มีผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมส่งฟ้องศาลไปแล้ว 44 คน ทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐ และพ่อค้ารับซื้อ มีมูลค่าความเสียหาย 195 ล้านบาท โดยมีนายประเสริฐ หรือโกเก๊า นายก อบจ.ลำพูน ในขณะนั้นเป็นหัวหน้ากลุ่ม พร้อมกับสมาชิก อบจ.ลำพูน และผู้ประกอบการหน่วยรับซื้อรับลำไยในเครือข่ายเป็นผู้ร่วมขบวนการ จนเป็นข่าวครึกโครมไปเมื่อหลายปีก่อน
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ อ.ต.ก.ได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำพูน และขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายประเสริฐ ตามหมายจับคดีที่ 176/2557 ลงวันที่ 17 มิ.ย. 57 ซึ่งชุดสืบสวนจับกุมได้ติดตามสืบสวนหาข่าวจนพบกับนายประเสริฐ หรือโกเก๊า ภู่พิสิฐ ผู้ต้องหาตามหมายจับเมื่อ 08.45 น. ที่ผ่านมา ขณะกำลังเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ซ หมายเลขทะเบียน กค 6580 ลำพูน จากบ้านของตนเองไปยังโรงงานฯ ในเขตนิคมอุตสาหกรรมลำพูน บริเวณทางเข้านิคมอุตสาหกรรม ก่อนถึงสี่แยกนิคมอุตสาหกรรมลำพูนมุ่งหน้าไปเชียงใหม่
ชุดสืบสวนจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้นายประเสริฐแสดงบัตรประชาชน พร้อมทั้งแสดงหมายจับดังกล่าว เมื่อตรวจสอบว่าเป็นบุคคลเดียวกันตามหมายจับดังกล่าว และเมื่อตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าวยังพบอาวุธปืนพกสั้น ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน จำนวน 25 นัด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจะได้ยึดเป็นของกลางไว้เพื่อตรวจสอบและดำเนินคดี จึงนำตัวมาบันทึกจับกุมตัว ณ ตำรวจภูธรภาค 5 ก่อนที่จะนำตัวมาสอบสวนที่ บก.สส.ตร.ภ.5
ทั้งนี้ ในชั้นการจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พร้อมกับกล่าวว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตการซื้อขายลำไยตามที่ถูกกล่าวหาในหมายจับ และพร้อมจะไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาล เพราะที่ผ่านมาศาลเคยยกฟ้องตนมาแล้ว 2 ครั้ง และหากศาลตัดสินว่าตนผิดจริงก็พร้อมที่จะชดใช้เงินที่กล่าวหาตนว่าฉ้อโกงไปกว่า 200 ล้านบาทคืนให้หมด
พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ.5 กล่าวว่า คดีฉ้อโกงโครงการรับจำนำลำไยอบแห้งนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นคล้ายกับคดีโกงจำนำข้าวที่เป็นข่าวดังในขณะนี้ มีผู้ร่วมขบวนการเป็นจำนวนมาก และคดีก็ยืดเยื้อผ่านมาหลายรัฐบาล จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่ อ.ต.ก.มารื้อฟื้นในบางคดีที่ยังไม่หมดอายุความ นำมาสู่การสอบสวนกันใหม่ จนทางพนักงานสอบสวนขออนุมัติศาลจังหวัดลำพูนออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่อายุความยังไม่หมด มาดำเนินคดีได้