ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่เร่งประสาน กต.นำตัวรองผู้จัดการแบงก์ตัวแสบกลับมาดำเนินคดีด่วนฐานยักยอกเงินลูกค้ากองทุน เคโกลด์กว่า 200 ราย สูญเงินเกือบ 1,000 ล้านบาท เหยื่อรอดูแบงก์กสิกรไทยชดใช้เต็มจำนวนหรือไม่
วันนี้ (11 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากผู้เสียหายจำนวนมากต่างทยอยแจ้งความบันทึกไว้เป็นหลักฐานกับพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุม รองผู้จัดการอาวุโสคนหนึ่งของธนาคารกสิกรไทย สาขาช้างเผือก ทราบเพียงชื่อเล่นคือ น.ส.ดอกอ้อ (ขอสงวนนามสกุล) ได้ชักชวนให้ลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการที่เกษียณแล้ว นักธุรกิจระดับวีไอพี ทหาร ตำรวจ เข้าร่วมลงทุนซื้อกองทุนทองคำเคโกลด์กับธนาคาร โดยมี น.ส.ดอกอ้อ เป็นเจ้าหน้าที่รับเปิดบัญชี รับเงินจากลูกค้ากว่า 200 ราย เพื่อนำเข้าบัญชีเงินกองทุน
แต่พอถึงกำหนดลูกค้าได้นำสมุดบัญชีธนาคารไปตรวจสอบ ปรากฏว่าไม่มีเงินในบัญชีแต่อย่างใด จึงมีการทยอยเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน
หลังจากนั้น ดร.อดิศวร์ หลายชูไทย รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ แจ้งว่า ทางธนาคารพร้อมชดใช้ค่าเสียหายทุกบาททุกสตางค์ให้แก่ลูกค้าทุกราย โดยให้ทางสาขาช้างเผือกทำการสรุปมาว่ามีผู้เสียหายกรณีนี้กี่ราย เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ แต่ทั้งนี้คาดว่าคงไม่ถึง 1,000 ล้านบาท
ส่วนทางด้านกฎหมายนั้นถือได้ว่าเจ้าหน้าที่ของธนาคารมีการยักยอกเงินของธนาคาร ถือเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง มีการฉ้อโกงเงินของธนาคารเกิดขึ้นจริงและได้มีการแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานคนดังกล่าวไว้แล้ว อยู่ในขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้สั่งการให้ ผกก.สภ.ช้างเผือก ติดตามสืบสวนหาข้อมูล และสอบปากคำผู้เสียหายที่มีกว่า 200 ราย ที่มีการแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้วนั้นให้ครบทุกราย พร้อมทั้งได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อติดตามจับกุมรองผู้จัดการอาวุโสคนดังกล่าวกลับมาดำเนินคดีให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการพูดคุยกับผู้เสียหายที่เป็นข้าราชการบำนาญระดับสูง เล่าให้ฟังว่า ได้เริ่มลงทุนซื้อกองทุนทองคำ เคโกลด์กับธนาคารกสิกรไทย สาขาช้างเผือก โดยผ่านรองผู้จัดการอาวุโสคนดังกล่าว ตั้งแต่เดือน ม.ค. 58 พอครบรอบเมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาได้นำสมุดบัญชีไปที่ธนาคารเพื่อดูยอดเงินปรากฏว่าไม่มีเงินในบัญชีแต่อย่างใด หลังจากที่มีการพูดคุยกับกลุ่มพรรคพวกที่ลงทุนในรอบเดียวกันกับธนาคารดังกล่าวโดยเฉพาะผ่านผู้หญิงคนนี้ต่างได้รับผลที่เกิดขึ้นเหมือนกันคือ ไม่มีเงินในบัญชี เมื่อสอบถามทางธนาคารก็ได้รับคำตอบว่า รองผู้จัดการอาวุโสคนนั้นหนีไปอยู่สหรัฐอเมริกาแล้ว
ผู้เสียหายอีกรายหนึ่งซึ่งเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่ได้กล่าวเสริมว่า ความจริงแล้วตนไม่อยากเป็นข่าวเพราะทำธุรกิจมานาน ส่วนหนึ่งเป็นผู้ชักชวนคนอื่นๆ มาร่วมลงทุน อีกทั้งเป็นคนให้ความมั่นใจกับเพื่อนฝูงด้วยว่าลงทุนกับธนาคาร อีกทั้งผ่านคนมีตำแหน่งถึงรองผู้จัดการอาวุโสเรื่องหลอกลวงไม่มีแน่นอน
“เป็นเรื่องที่น่าอับอายมากที่ถูกหลอก แถมพาพรรคพวกมาถูกหลอกด้วย รวมๆ แล้วพวกเราสูญเงินไปไม่ต่ำกว่า 200 ล้าน ไม่รวมกับกลุ่มอื่นๆ อีกที่ทั้งก่อนและหลังกลุ่มเรา แต่เมื่อทางธนาคารออกมายอมรับถึงความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ธนาคารตนเองเราก็จะรอว่าจะชดใช้ให้เราเต็มจำนวนหรือไม่ แต่เรื่องการฟ้องร้องคดีกับผู้ต้องหาคนนั้นเราจะฟ้องให้ถึงที่สุด”