xs
xsm
sm
md
lg

“คูเวตปิโตรเลียม” จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการท่อส่งน้ำมัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - “คูเวตปิโตรเลียม” จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการท่อส่งน้ำมัน ด้านประชาชนในพื้นที่ขอให้บริษัทให้ความสำคัญความปลอดภัย

วันนี้ (9 มี.ค.) นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการท่อส่งน้ำมันของบริษัท คูเวต ปิโตรเลียม เอวิเอชั่น (ประเทศไทย) จำกัด มีประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงกับโครงการ และรัศมีโดยรอบเข้าร่วมรับฟัง โดยทางบริษัทได้ว่าจ้างบริษัท ครีเอทีฟ เทคโนโลยี จำกัด ดำเนินการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม

นางจินดา กล่าวว่า ตามที่บริษัทจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 วันนี้ เป็นการนำเสนอรายละเอียดผลการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สังคม และสุขภาพ ร่างมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบ และร่างมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม สังคม และสุขภาพ ขอให้ทุกคนนำเสนอประเด็นต่างๆ ที่จะนำไปสู่การดำเนินกิจกรรมของโครงการต่อไปในอนาคต รวมถึงให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย เพื่อที่ทางบริษัทจะได้นำข้อคิดเห็นไปปรับปรุงผลการศึกษา ร่างมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบ และร่างมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม สังคม และสุขภาพ ให้สอดคล้องต่อสภาพปัญหา และความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการพัฒนาแบบการมีส่วนร่วม และเกิดประโยชน์ต่อชุมชนให้มากที่สุด

นายสรัน วังใน ผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า บริษัทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท ชลบุรี เทอร์มินัล จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2537 ตั้งอยู่เลขที่ 129-129/1 หมู่ 2 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจประเภทคลังน้ำมัน รับและส่งน้ำมันโดยใช้ระบบท่อส่งจากคลังน้ำมันของบริษัท ซึ่งปัจจุบันรับฝากน้ำมันดีเซลของลูกค้า โดยรับน้ำมันจากบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) มาเก็บไว้ 4 ถัง ก่อนส่งให้แก่ลูกค้าผ่านระบบท่อส่งน้ำมันต่อไป

โดยในปี 2556 กระทรวงพลังงาน ได้ประกาศเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.น้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2543 กำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ต้องเพิ่มปริมาณการสำรองน้ำมันจากเดิมที่ร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 6 ของปริมาณการค้าน้ำมัน หรือต้องเพิ่มสำรองจาก 36 วัน เป็น 43 วัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2556 ซึ่งจากการคาดการของกระทรวงพลังงาน คาดว่า ผลจากการประกาศเพิ่มเติมดังกล่าวจะทำให้มีปริมาณน้ำมันสำรองในประเทศเพิ่มขึ้น 4.7 ล้านบาร์เรล หรือเพิ่มเป็น 28 ล้านบาร์เรล จากปัจจุบันที่มีประมาณ 23.3 ล้านบาร์เรล (ที่มา : กระทรวงพลังงาน 2556) เป็นเหตุให้บริษัทผู้ค้าน้ำมันมีความจำเป็นต้องจัดหาคลังเก็บน้ำมันสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อปริมาณน้ำมันสำรองที่เพิ่มขึ้น

ดังนั้น บริษัทจึงมีความประสงค์ที่จะปรับปรุงระบบท่อน้ำมันดีเซลที่มีอยู่เดิม 1 เส้น และก่อสร้างท่อส่งน้ำมัน JP-8 (Jet Propellant-8) จำนวน 1 เส้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับความต้องการด้านการสำรองน้ำมันให้แก่กลุ่มผู้ค้าน้ำมันตามประกาศเพิ่มเติมดังกล่าว จึงจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยว่าจ้าง บริษัท ครีเอทีฟ เทคโนโลยี จำกัด ให้เป็นผู้ดำเนินการศึกษา และจัดเตรียมรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการดังกล่าว

สำหรับกิจกรรมหลักของโครงการ คือ 1.ปรับปรุงท่อส่งน้ำมันดีเซล (High Speed Diesel Oil) ที่มีอยู่ในปัจจุบัน 1 เส้น โดยทำการยกท่อส่งน้ำมันส่วนที่อยู่ใต้พื้นถนน (Pipe Rack) 5 เมตร รวมระยะทาง 8 เมตร เพื่อเชื่อมต่อท่อระหว่างวาล์วส่งน้ำมันของไทยออยล์ กับวาล์วรับน้ำมันของบริษัท เพื่อส่งน้ำมันเข้าสู่ถังน้ำมันสำรอง (Oil Storage Tank) 3 ถัง ก่อนส่งให้กับลูกค้าผ่านระบบท่อส่งน้ำมันของบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thai Petroleum Pipeline Co,Ltd; Thapline) ต่อไป

2.การสร้างท่อส่งน้ำมัน JP-8 จำนวน 1 เส้น ขนานกับแนวท่อส่งน้ำมันดีเซลที่มีอยู่เดิม เพื่อขนส่งน้ำมัน JP-8 (Jet Propellant-8) เป็นระยะทาง 215 เมตร เชื่อมต่อท่อระหว่างวาล์วส่งน้ำมัน JP-8 ของไทยออยล์ กับวาล์วรับน้ำมัน JP-8 ของบริษัทเพื่อส่งน้ำมันเข้าสู่ถัง 5 ถัง ก่อนส่งให้แก่ลูกค้าผ่านสถานีหัวจ่ายน้ำมัน (Vehicle Filling Gantry) ซึ่งอยู่ภายในพื้นที่ของบริษัทต่อไป สรุประยะเวลาก่อสร้างโครงการประมาณ 60 วัน

ด้านประชาชนที่มาร่วมรับฟังความคิดเห็นต่างเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยมากกว่าผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพราะเชื่อว่า ทางบริษัทคงจะมีการดำเนินการที่ดีพอ อีกทั้งเป็นการวางท่อใต้ดิน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากนัก ใช้เวลาวางท่อเพียงแค่ 60 วัน ซึ่งในช่วงของการดำเนินการขอให้ดูแลเรื่องการจราจรมากขึ้นเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือ ความปลอดภัย ขอให้มีการดำเนินการที่รัดกุม และให้ความสำคัญต่อวัสดุที่ใช้ รวมถึงวิธีการป้องกกัน และกระบวนการแก้ไขหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นว่าจะมีมาตรการจัดการอย่างไร


กำลังโหลดความคิดเห็น