xs
xsm
sm
md
lg

แทปไลน์เมินวางท่อน้ำมันเหนือ-อีสาน!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ปิดแผนลงทุนวางท่อน้ำมันเหนือและอีสานของ“แทปไลน์” หลังผู้ถือหุ้นต่างชาติเมิน เหตุผลตอบแทนการลงทุนต่ำ ด้านปตท.เมินลงทุนหวั่นถูกโจมตีว่าผูกขาด ปัดให้เอกชนอื่นลงทุนแทน “FPT”ยิ้มรอรัฐไฟเขียวเดินหน้าวางท่อน้ำมันจากบางปะอิน-ลำพูน

แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (มหาชน) (แทปไลน์)คงไม่สามารถที่จะเดินหน้าโครงการวางท่อส่งน้ำมันไปภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มูลค่าการลงทุน 2หมื่นล้านบาทได้ เนื่องจากมีผู้ถือหุ้นต่างชาติในแทปไลน์ไม่เห็นด้วย เพราะโครงการดังกล่าวให้ผลตอบแทนการลงทุน(IRR)ต่ำเพียง 10% เท่านั้นขณะที่ทางกรมธุรกิจพลังงานก็จะเปิดให้เอกชนทั่วไปลงทุนท่อส่งน้ำมันทั้ง 2เส้นนี้ได้คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้หลังจากยืดเยื้อมานาน

ก่อนหน้านี้ ทางแทปไลน์ได้ศึกษาเส้นทางวางท่อส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือเริ่มที่สระบุรี-กำแพงเพชรหรือพิษณุโลก และเส้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากสระบุรี-ขอนแก่น โดยมีเงื่อนไขว่าโครงการนี้จะเกิดขึ้นได้ภาครัฐต้องเข้ามาสนับสนุนการลงทุนด้วย แต่เนื่องจากรัฐไม่มีนโยบายในเรื่องดังกล่าว สุดท้ายแทปไลน์คงไม่สามารถเดินหน้าโครงการดังกล่าวได้

ส่วนปตท.เองคงไม่ลงทุนโครงการวางท่อน้ำมันไปเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือเพราะไม่ต้องการมีปัญหาประเด็นสังคมและปัญหาการผูกขาด ก็คงให้ภาคเอกชนอื่นที่สนใจทำและทำได้ดีกว่าเป็นผู้ลงทุน แต่หากเส้นทางใดไม่มีภาคเอกชนเสนอตัว ทางปตท.ก็จะศึกษารายละเอียดก่อนขออนุมัติลงทุนถ้าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เบื้องต้นปตท.ยังไม่เคยศึกษาการลงทุนโครงการดังกล่าวเลยคงมีแต่แทปไลน์ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่มีการศึกษามาก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ทางบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบาฟส์ ได้แสดงเจตจำนงต่อกรมธุรกิจพลังงานที่จะลงทุนโครงการวางท่อส่งน้ำมันจากคลังบางปะอิน จ.อยุธยา-พิษณุโลก-ลำพูน ระยะทางกว่า 703 กม. ใช้เงินลงทุน 7.1 พันล้านบาท โดยอยู่ระหว่างรออนุมัติจากภาครัฐ ซึ่งมั่นใจว่าจะใช้เวลาดำเนินการก่อสร้างและเปิดใช้เชิงพาณิชย์ได้ภายใน 3ปีโดยย้ำว่าค่าขนส่งน้ำมันทางท่อจะต่ำกว่าการขนส่งทางรถน้ำมันถึง 50%

แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ปตท.พร้อมที่จะใช้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อของFPT หากค่าขนส่งแข่งขันกับการขนส่งทางบกได้ โดยยอมรับว่าการวางท่อส่งไปภาคเหนือไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะยิ่งวางท่อขึ้นสูงขึ้นไปมาก จำนวนลูกค้าจะน้อยลง ทำให้ต้นทุนขนส่งน้ำมันทางท่อแพงขึ้น โครงสร้างการถือหุ้นของแทปไลน์ ประกอบด้วย ปตท. 40.40% เอสโซ่ 20.66% เชลล์ 14.87% เชฟรอน 9.91% ไทยออยล์ 9.91% คูเวตปิโตรเลียม 4.96% และซัสโก้ ดีลเลอร์ส 0.002%
กำลังโหลดความคิดเห็น