บาฟส์ขยับเป้ารายได้ปีนี้โตขึ้น 8% หลังพบยอดการเติมน้ำมันอากาศยานพุ่งกว่าที่คาดไว้และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าหนุนรายได้เพิ่ม แย้มเวียดนามจีบไปลงทุนให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานแต่ขอศึกษารายละเอียดก่อน หลังแพ้ประมูลที่พม่า ลุ้นกรมธุรกิจพลังงานไฟเขียวโครงการวางท่อน้ำมันจากคลังบางปะอิน-พิษณุโลก-ลำพูน มูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท หลังยืดเยื้อมานาน
นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บาฟส์) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้าหมายการเติมน้ำมันอากาศยานในปีนี้โตเพิ่มขึ้นเป็น 8% จากเดิมที่คาดว่าโต 6.1% หรืออยู่ที่ 5.2 พันล้านลิตร หลังจาก 2 เดือนแรกปีนี้ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานโตสูงกว่าเป้าค่อนข้างมาก รวมทั้งค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ทำให้การรับรู้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นด้วย ส่งผลให้บริษัทฯ ปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ปีนี้โตขึ้นเป็น 8% จากเดิมที่คาดว่าจะโตเพียง 7% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.02 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ไทยเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคนี้ ทำให้แนวโน้มธุรกิจการบินยังเติบโตอีกมาก ซึ่งหลังจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จะยิ่งทำให้การบินในภูมิภาคนี้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งภาครัฐก็วางนโยบายให้ไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและการท่องเที่ยวของเออีซี
ส่วนความคืบหน้าการขยายการลงทุนการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานที่สนามบินอื่นในอาเซียนนั้น นายประกอบเกียรติกล่าวว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะในการลงทุนให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานที่สนามบินย่างกุ้ง ประเทศพม่า แม้ว่าจะได้คะแนนด้านเทคนิคเป็นอันดับ 1 แต่แพ้ด้านการเงิน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ก็ยังมองหาโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนด้านนี้อยู่ โดยล่าสุดได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานที่เวียดนามทั้งสนามบินเดิมและสนามบินใหม่ โดยจะร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น
ส่วนแผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทฯ วางงบลงทุน 778 ล้านบาทใช้ในโครงการขยายระบบท่อส่งน้ำมันแรงดันสูงที่สนามบินสุวรรณภูมิ รองรับสุวรรณภูมิเฟส 2 คืบหน้าไปแล้ว 20% โครงการสร้างถังเก็บน้ำมันที่สุวรรณภูมิ คืบหน้าไปแล้ว 63% และโครงการสร้างถังเก็บน้ำมันดีเซล 3 ถังที่ดอนเมือง คืบหน้าไปแล้ว 80%
นายเจริญ จารุไสลพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายบริหาร บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บาฟส์ถือหุ้นอยู่ 91.6% กล่าวว่า ตามที่บริษัทได้แสดงเจตจำนงต่อกรมธุรกิจพลังงานที่จะลงทุนวางท่อน้ำมันจากคลังบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาไปภาคเหนือนั้น โดยจะวางท่อจากคลังน้ำมันบางปะอิน-พิษณุโลก- ลำพูน ระยะทาง 703 กม. เงินลงทุน 7.1 พันล้านบาท คาดว่าภายในเดือน มี.ค.นี้ทางกรมธุรกิจพลังงานน่าจะให้คำตอบได้ว่าจะให้บริษัทเป็นผู้ลงทุนหรือไม่หลังจากโครงการดังกล่าวล่าช้ามานาน และไม่มีผู้ใดแสดงความสนใจที่จะลงทุนอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ FPT มีความพร้อมที่จะลงทุนในโครงการดังกล่าวหลังจากมีการศึกษามาอย่างละเอียด โดยยืนยันว่าค่าขนส่งน้ำมันทางท่อจะต่ำกว่าการขนส่งน้ำมันผ่านรถบรรทุกน้ำมันถึง 50% และยังช่วยลดปัญหาอุบัติเหตุ และมลพิษทางอากาศด้วย ซึ่งหากรัฐอนุมัติให้บริษัทฯ ดำเนินการได้ก็พร้อมที่จะลงทุนในทันที และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งช่วงนี้เป็นจังหวะที่ดีในการดำเนินโครงการเพราะค่าก่อสร้างและอุปกรณ์ถูก