บุรีรัมย์ - แม่และญาติ “ตะวัน” หนุ่มชาวอ.ลำปลายมาศ บุรีรัมย์ เหยื่อตำรวจจับผิดตัวคดีข่มขืนคนชราต่อเนื่อง ทำพิธีเรียกรับขวัญให้พ้นเคราะห์หลังกลับสู่อ้อมกอดแม่ เจ้าตัวเครียดจัดกินไม่ได้นอนไม่หลับ ปฏิเสธไม่ขอพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีกหวั่นไม่ปลอดภัย ขณะแม่และญาติจี้ ตร.แสดงความรับผิดชอบ
วันนี้ (27 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 12 ม.8 บ.บุตาแหบ ต.ตลาดโพธิ์ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายตะวัน ทองยิ้ม อายุ 35 ปี หนุ่มลูกจ้างโรงงานน้ำแข็ง ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับผิดตัวฐานตกเป็นผู้ต้องสงสัย คดีข่มขืนหญิงชราต่อเนื่อง ได้มีบรรดาญาติพี่น้องเพื่อนบ้านมาร่วมกันทำพิธีเรียกรับขวัญแบบประเพณีพื้นบ้านให้กับนายตะวัน เพื่อให้พ้นเคราะห์จากภัยอันตรายต่างๆ และให้อยู่เย็นเป็นสุข
หลังญาติพี่น้องได้เดินทางไปรับตัว นายตะวัน ซึ่งทำงานอยู่ที่ โรงงานน้ำแข็ง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา กลับมายังบ้านเกิดเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งขณะทำพิธีเรียกรับขวัญก็พบว่านายตะวัน มีสีหน้าเคร่งเครียดและหวาดระแวงอย่างเห็นได้ชัด อาจเพราะยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อญาติพี่น้องสอบถามก็บอกว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องดังกล่าวอีก พร้อมปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน บอกเพียงว่าขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะกลับไปทำงานที่โรงงานน้ำแข็งอีกวันไหน ต้องรอให้สภาพจิตใจดีขึ้นจึงจะตัดสินใจอีกครั้ง
ด้าน นางบัวพันธ์ ทองยิ้ม อายุ 60 ปี ผู้เป็นแม่ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ดีใจที่ลูกชายกลับมาบ้าน แต่ยังรู้สึกตกใจและรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเหลือลูกชายเพียงคนเดียวที่จะฝากฝีฝากไข้ เพราะพี่น้องอีก 3 คน มีครอบครัวกันหมดแล้ว และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวเสียหาย โดยเฉพาะสภาพจิตใจของลูกชายขณะนี้อยู่ในภาวะเครียดมากกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถึงขั้นเอ่ยปากว่าอยากตาย เพราะต้องกลายเป็นจำเลยของสังคมไปแล้ว ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด จึงอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยเหลือเยียวยาลูกชายและครอบครัวด้วย
ขณะที่ นายสมศักดิ์ สะลอยรัมย์ น้าของ นายตะวัน บอกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากเรียกร้องให้ทางตำรวจออกมาแสดงความรับผิดชอบ คืนความเป็นธรรมให้กับหลานชายและเยียวยาตามความเหมาะสมให้กับครอบครัวด้วย เพราะขณะนี้หลานชายต้องกลายเป็นจำเลยของสังคม ไปไหนมาไหนก็ถูกตีตราว่าเป็นคนไม่ดี ทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่ทำผิดพลาดดังกล่าวด้วย