xs
xsm
sm
md
lg

นอภ.กาญจน์ สั่งคุมเข้มด่านถาวรพุน้ำร้อน สกัดขบวนการขนน้ำมัน-รถยนต์เถื่อนส่งข้ามชายแดนไทย-พม่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี สั่งคุมเข้มด่านถาวรพุน้ำร้อน สกัดขบวนการขนน้ำมันเถื่อน-รถยนต์เถื่อน ส่งข้ามชายแดนไทย-พม่า หลังพบ 2 สามี-ภรรยาชาวสุราษฎร์ฯ นำรถกระบะ 2 คัน ขออนุญาตข้ามฝั่ง อ้างเจ้าของเต็นท์มือสองให้ยืม ตรวจพบไฟแนนซ์กำลังตามยึด

เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (24 ก.พ.) ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตจากส่วนกลาง ได้จับกุมรถพ่วง 22 ล้อ ยี่ห้อ ซูซุ สีโทนขาว-ฟ้า หมายเลขทะเบียนหัวลาก 70-7305 กาญจนบุรี หมายเลขทะเบียนพ่วงบรรทุกน้ำมัน 70-7306 กาญจนบุรี ถังน้ำมันระบุ “PUSIT OIL LTD., PART.” ใบอนุญาตเลขที่ ก.จ.13/2554 ภายในบรรทุกน้ำมันที่ใช้สำหรับส่งออก ประกอบด้วย น้ำมันเบนซิน จำนวน 7,848 ลิตร และน้ำมันดีเซล จำนวน 6,980 ลิตร รวม 14,828 ลิตร

โดยจับกุมได้บนถนนหมายเลข 3512 ใกล้วัดหนองบ้านเก่า หมู่ 7 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี มี นายสุเทพ เนตรน้อยสกุล อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/2 หมู่ 3 ต.บ้านใหม่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เป็นคนขับ และถูกดำเนินคดีในข้อหากระทำผิดมาตรา 147(2) ฐานนำเข้าสินค้า (น้ำมัน) ที่มิได้เสียภาษี มาตรา 162 (1) ขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้า (น้ำมัน) โดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษี และมาตรา 161 (1) มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าโดยรู้ว่ามิได้เสียภาษี เหตุเกิดวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา

โดยหลังจากเกิดเหตุ ทางอำเภอได้พยายามสืบหาข้อมูลอยู่ว่า การที่รถบรรทุกน้ำมันคันดังกล่าวนำน้ำมันไปส่งให้แก่ลูกค้าที่อยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านโดยขออนุญาตอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งเอกสารการอนุญาตรุบุชัดเจนว่า มีน้ำมันที่นำไปส่งมีจำนวนเท่าไหร่ และหลังจากกลับเข้ามาประเทศ ทำไมจึงมีน้ำมันกลับมาด้วยเป็นจำนวนมาก ซึ่งอำเภอเมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบตามแนวชายแดนจะต้องเข้มข้นในการตรวจสอบมากขึ้นเพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำอีก

นายศรัทธา เปิดเผยต่อว่า ต่อมา วันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนมอบหมายให้ นายสุวิทย์ มากแก้ว ปลัดอำเภอเมืองกาญจนบุรี ฝ่ายความมั่นคง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารสังกัด ร.9 พัน 1 กองกำลังสุรสีห์ ที่รับผิดชอบพื้นที่ด่านชายแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ออกลาดตระเวนตรวจตราป้องกันการก่อเหตุอาชญากรรม และป้องกันการกระทำผิดกฎหมายทุกชนิด จนกระทั่งเวลา 13.00 น.ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร ว่า มีบุคคลเป็นหญิง และชาย ขับรถยนต์กระบะ 2 คัน มายื่นเอกสารขอนำรถยนต์ทั้ง 2 คัน ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยอ้างว่าจะเข้าไปติดต่อทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารทะเล

จึงร่วมกันตรวจสอบโดยละเอียด โดยมี น.ส.รุ่งทิพย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ชาวตำบลท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ขับรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน บน 8944 กระบี่ และนายสมภพ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ชาวตำบลท่าเคย อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี ขับรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน ผค 4656 สุราษฎร์ธานี ซึ่งทั้ง 2 เป็นสามีภรรยากัน

จากการสอบถามบุคคลทั้ง 2 คน ทราบว่า รถยนต์กระบะทั้ง 2 คันใครเป็นเจ้าของ ปรากฏว่า ตอบข้อซักถามของเจ้าหน้าที่ไม่ได้ บอกแต่เพียงว่ารถทั้ง 2 คัน ยืมมาจาก นายสายชล เจ้าของเต็นท์รถมือสอง คนสนิทกัน เจ้าหน้าที่จึงประสานให้นายสายชล นำเอกสารการครอบครองรถมาแสดง และเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว 2 สามีภรรยามาสอบสวนที่ที่ว่าการอำเภอเมืองกาญจนบุรี จากนั้นตรวจสอบหมายเลขทะเบียน รวมทั้งหมายเลขตัวรถ ซึ่งปรากฏว่า รถยนต์กระบะทั้ง 2 คัน มีบริษัทไฟแนนซ์ชื่อดัง 2 แห่ง เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์

เจ้าหน้าที่จึงสอบถามไปยังบริษัททั้ง 2 แห่ง ซึ่งได้ข้อมูลจากทางบริษัทว่า รถยนต์กระบะทั้ง 2 คัน ค้างจ่ายค่าผ่อนมาแล้วประมาณ 6-7 เดือน ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามเพื่อยึดคืนบริษัท ส่วนเอกสารที่ นายสายชล นำมาแสดงนั้นเป็นเพียงเอกสารการรับจำนำรถจากบุคคลที่เช่าซื้อรถจากบริษัทไฟแนนซ์เท่านั้น และนายสายชล เองก็พร้อมที่จะคืนรถยนต์กระบะทั้ง 2 คัน ให้แก่บริษัทไฟแนนซ์ ดังนั้น จึงไปลงบันทึกประจำวันต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เอาไว้เป็นหลักฐาน

“ส่วนสาเหตุที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดนั้นเพราะเจ้าหน้าที่เกรงว่า จะมีการนำรถยนต์ทั้ง 2 คันไปขายให้แก่นายทุนที่อยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องป้องกันเอาไว้ก่อน อีกทั้งปัจจุบันเจ้าหน้าที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านยังไม่มีการอนุญาตให้คนไทยนำรถยนต์เข้าไปได้ หากเล็ดลอดออกไปผู้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์ทั้ง 2 คันอาจจะไม่ได้รถยนต์คืน” นายศรัทธา กล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น