สระแก้ว - ที่ดินอรัญประเทศทำพิลึก หลังศาลจังหวัดสระแก้วมีคำสั่งลงเผชิญสืบที่เกิดเหตุ แต่กลับแอบนำคู่กรณีเข้ารังวัดในที่ดินพิพาทเพียงฝ่ายเดียว ทำให้สองฝ่ายหวิดปะทะกัน
ยังไม่จบสำหรับชาวบ้านป่าไผ่ ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ที่จู่มีนายทุนนำโฉนดที่ดินมาฟ้องขับไล่ชาวบ้านออกจากที่ดินทำมาหากินมานานนับชั่วอายุคนแล้ว จนศาลต้องลงจากบันลังก์เพื่อสืบพยานรังวัดที่ดินด้วยตนเอง แต่หลังจากศาลมีหมายไปยังที่ดินอรัญประเทศ เพื่อนัดคู่กรณีเข้าทำการรังวัดที่ดินที่เป็นข้อพิพาท
ล่าสุด วันนี้(18 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ดินอำเภออรัญประเทศ พร้อมกลุ่มนายทุนประมาณ 10 คน เข้าไปทำการรังวัดที่ดินพิพาท บริเวณบ้านป่าไผ่ หมู่ 1 ต. ท่าข้าม แต่นายเอกพน บุญพามา อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 216 หมู่ 1 ต. ท่าข้าม ซึ่งเป็นคู่กรณีได้นำญาติพี่น้องกว่า 10 คน เข้ามาคัดค้าน จึงเกิดการโต้เถียงกัน โดยทางกลุ่มนายทุนและที่ดินอำเภอ ต้องการจะเข้ารังวัดที่ดินให้ได้ จนถึงขั้นเกือบจะลงไม้ลงมือกัน เจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินจึงแจ้งไปยังสภ.คลองลึก
หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.โกศละ งามผ่อง พนักงานสอบสวนทำหน้าที่ร้อยเวรสภ. คลองลึก นำกำลังตำรวจเข้าไประงับเหตุ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงปักหลักคุมเชิงกันอยู่ จนกระทั่งทนายความของนายเอกพนได้แจ้งไปยังตำรวจสภ.คลองลึก ว่าศาลจังหวัดสระแก้วมีหมายไปยังที่ดินอรัญประเทศแล้วว่า วันที่ 25 ก.พ. ศาลจะลงพื้นที่เผชิญสืบการรังวัดที่ดินด้วยตัวเอง แล้วทำไมที่ดินจึงชิงลงมือทำการรังวัดก่อน และนำกลุ่มของฝ่ายตรงข้ามเข้าไปทำการรังวัดเพียงฝ่ายเดียว หลังทราบเรื่องเช่นนั้น ตำรวจจึงเจรจาให้ทั้งสองฝ่ายแยกย้ายกันกลับ เพื่อรอให้ศาลเผชิญสืบการรังวัดในวันและเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ ชาวบ้านที่อาศัยในที่ดินในที่พิพาทแปลงนี้ ถูกกลุ่มนายทุนนำโฉนดมาฟ้องขับไล่ และศาลได้มีคำสั่งบังคับคดี แต่ทางกรมบังคับคดีกับนำรถแบ็คโฮเข้าทำการทำลายบ้านเรือนของชาวบ้านงหมดกว่า 10 หลัง ซึ่งเกินโฉนดอีกด้วย หลังเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ ปรากฏว่าที่ดินที่นายทุนออกโฉนดมาขับไล่ชาวบ้าน เป็นที่ดินของนิคมสร้างตนเอง ซึ่งทางนิคมกำลังเตรียมยืนฟ้องศาลปกครองเพิกถอนโฉนดแปลงนี้
ที่ดินบริเวณบ้านป่าไผ่ เป็นที่ดินของนิคมสร้างตนเอง จัดตั้งตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคม เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2512 โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อประกอบอาชีพ พ.ศ. 2511 ซึ่งก่อนที่จะมีการการประกาศจัดตั้งนิคม ทางรัฐบาลได้มีคำสั่งให้อำเภออรัญประเทศออกสำรวจแล้ว ปรากฏว่าในที่ดินที่จะประกาศจัดตั้งนิคม มี ส.ค.1 และ น.ส.3 ของราษฎร 666 ราย แต่ไม่มี ส.ค.1 ของกลุ่มนายทุนกลุ่มนี้แต่อย่างใด และที่ดินบริเวณบ้านป่าไผ่ ไม่มีการออก ส.ค. 1 และน.ส.3 เนื่องจากเป็นที่ความมั่นคงภายชายแดน ไม่สามารถออกระวางที่ดินในบริเวณนี้ได้ ดังนั้นหลังท่านผู้พิพากษาลงเผชิญสืบที่ดินข้อพิพาทแล้ว หน่วยงานต้นสังกัดต้องหาตัวผู้ที่ออกโฉนดที่ดินทับที่ดินของนิคมแปลงนี้มาลงโทษ ซึ่งจากการตรวจสอบของสื่อมวลชน พบว่าที่ดินบริเวณชายแดนเริ่มมีราคาสูงขึ้น เนื่องจากจะมีเขตเศรษฐกิจพิเศษเกิดขึ้น จึงตามมาด้วยปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อนจำนวนมาก
ยังไม่จบสำหรับชาวบ้านป่าไผ่ ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ที่จู่มีนายทุนนำโฉนดที่ดินมาฟ้องขับไล่ชาวบ้านออกจากที่ดินทำมาหากินมานานนับชั่วอายุคนแล้ว จนศาลต้องลงจากบันลังก์เพื่อสืบพยานรังวัดที่ดินด้วยตนเอง แต่หลังจากศาลมีหมายไปยังที่ดินอรัญประเทศ เพื่อนัดคู่กรณีเข้าทำการรังวัดที่ดินที่เป็นข้อพิพาท
ล่าสุด วันนี้(18 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ดินอำเภออรัญประเทศ พร้อมกลุ่มนายทุนประมาณ 10 คน เข้าไปทำการรังวัดที่ดินพิพาท บริเวณบ้านป่าไผ่ หมู่ 1 ต. ท่าข้าม แต่นายเอกพน บุญพามา อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 216 หมู่ 1 ต. ท่าข้าม ซึ่งเป็นคู่กรณีได้นำญาติพี่น้องกว่า 10 คน เข้ามาคัดค้าน จึงเกิดการโต้เถียงกัน โดยทางกลุ่มนายทุนและที่ดินอำเภอ ต้องการจะเข้ารังวัดที่ดินให้ได้ จนถึงขั้นเกือบจะลงไม้ลงมือกัน เจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินจึงแจ้งไปยังสภ.คลองลึก
หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.โกศละ งามผ่อง พนักงานสอบสวนทำหน้าที่ร้อยเวรสภ. คลองลึก นำกำลังตำรวจเข้าไประงับเหตุ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงปักหลักคุมเชิงกันอยู่ จนกระทั่งทนายความของนายเอกพนได้แจ้งไปยังตำรวจสภ.คลองลึก ว่าศาลจังหวัดสระแก้วมีหมายไปยังที่ดินอรัญประเทศแล้วว่า วันที่ 25 ก.พ. ศาลจะลงพื้นที่เผชิญสืบการรังวัดที่ดินด้วยตัวเอง แล้วทำไมที่ดินจึงชิงลงมือทำการรังวัดก่อน และนำกลุ่มของฝ่ายตรงข้ามเข้าไปทำการรังวัดเพียงฝ่ายเดียว หลังทราบเรื่องเช่นนั้น ตำรวจจึงเจรจาให้ทั้งสองฝ่ายแยกย้ายกันกลับ เพื่อรอให้ศาลเผชิญสืบการรังวัดในวันและเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ ชาวบ้านที่อาศัยในที่ดินในที่พิพาทแปลงนี้ ถูกกลุ่มนายทุนนำโฉนดมาฟ้องขับไล่ และศาลได้มีคำสั่งบังคับคดี แต่ทางกรมบังคับคดีกับนำรถแบ็คโฮเข้าทำการทำลายบ้านเรือนของชาวบ้านงหมดกว่า 10 หลัง ซึ่งเกินโฉนดอีกด้วย หลังเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ ปรากฏว่าที่ดินที่นายทุนออกโฉนดมาขับไล่ชาวบ้าน เป็นที่ดินของนิคมสร้างตนเอง ซึ่งทางนิคมกำลังเตรียมยืนฟ้องศาลปกครองเพิกถอนโฉนดแปลงนี้
ที่ดินบริเวณบ้านป่าไผ่ เป็นที่ดินของนิคมสร้างตนเอง จัดตั้งตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคม เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2512 โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อประกอบอาชีพ พ.ศ. 2511 ซึ่งก่อนที่จะมีการการประกาศจัดตั้งนิคม ทางรัฐบาลได้มีคำสั่งให้อำเภออรัญประเทศออกสำรวจแล้ว ปรากฏว่าในที่ดินที่จะประกาศจัดตั้งนิคม มี ส.ค.1 และ น.ส.3 ของราษฎร 666 ราย แต่ไม่มี ส.ค.1 ของกลุ่มนายทุนกลุ่มนี้แต่อย่างใด และที่ดินบริเวณบ้านป่าไผ่ ไม่มีการออก ส.ค. 1 และน.ส.3 เนื่องจากเป็นที่ความมั่นคงภายชายแดน ไม่สามารถออกระวางที่ดินในบริเวณนี้ได้ ดังนั้นหลังท่านผู้พิพากษาลงเผชิญสืบที่ดินข้อพิพาทแล้ว หน่วยงานต้นสังกัดต้องหาตัวผู้ที่ออกโฉนดที่ดินทับที่ดินของนิคมแปลงนี้มาลงโทษ ซึ่งจากการตรวจสอบของสื่อมวลชน พบว่าที่ดินบริเวณชายแดนเริ่มมีราคาสูงขึ้น เนื่องจากจะมีเขตเศรษฐกิจพิเศษเกิดขึ้น จึงตามมาด้วยปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อนจำนวนมาก