ราชบุรี - ภัยแล้งมาแรงส่งผลกระทบต่อนาบัวของเกษตรกรในพื้นที่บ้านใหญ่นครบาล ตำบลดอนตะโก อำเภอเมืองราชบุรี ทำให้นาบัวที่ปลูกไว้ขาดน้ำยืนต้นเหี่ยวแห้งตายไปแล้วกว่า 10 ไร่ เกษตรกรเผยรายได้หดจากการเก็บบัวขายครั้งละ 1,000-2,000 บาท แต่พอมาปีนี้เหลือเพียงครั้งละ 500 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งในช่วงนี้ได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่ทำนาบัวในพื้นที่บ้านใหญ่นครบาล หมู่ 6 ตำบลดอนตะโก อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี แล้ว โดยในพื้นที่ดังกล่าวมีนาบัวอยู่ประมาณ 20 ไร่ แต่ขณะนี้ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากบัวที่ปลูกไว้ขาดน้ำต้องยืนต้นเหี่ยวแห้งตายไปแล้วกว่า 10 ไร่ หลังทางชลประทานได้ประกาศงดการปล่อยน้ำทำนาปรัง จนส่งผลกระทบต่อการทำนาบัว รวมถึงพืชผักการเกษตรอื่นๆ ด้วย แม้ว่าชาวนาหลายรายจะงดการทำนาปรังและหันมาปลูกพืชระยะสั้นทดแทนที่ใช้น้ำน้อยก็ตาม แต่สาเหตุมาจากในปีนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ มีน้อย จึงไม่สามารถปล่อยน้ำให้เกษตรกรทำนาได้
คุณป้าบังอร อินทอง อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/1 ตำบลดอนตะโก อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า ตนมีพื้นที่ติดคลองส่งน้ำในตำบลอ่างทอง ใกล้กับถนนเพชรเกษม ได้ยึดอาชีพทำนาบัวมากว่า 20 ปี เพราะพื้นที่มีทำเลดีเหมาะต่อการทำนาบัว เนื่องจากที่นาบัวมีน้ำไหลผ่านตลอด สร้างรายได้เลี้ยงดูครอบครัวมานานไม่เคยเกิดปัญหาในการเพาะปลูก แต่พอมาปีนี้ทางชลประทานงดปล่อยน้ำ ทำให้นาบัวที่ปลูกไว้กว่า 20 ไร่ ได้ขาดน้ำแห้งเหี่ยวตายไปแล้ว
คุณป้าบังอร บอกอีกว่า ปีนี้เกิดปัญหาน้ำแล้งไม่มีน้ำเลี้ยงในนาบัว ทำให้ตอนนี้นาบัวแห้งตายไปแล้ว 9 ไร่ ส่วนพื้นที่นาบัวที่เหลืออยู่นี้จะเก็บดอกบัวขายก่อนวันพระ 1 วัน 1 เดือนเก็บ 4 ครั้ง เคยมีรายได้จากการเก็บส่งประจำครั้งละ 1,000-2,000 บาท แต่พอมาปีนี้เกิดน้ำแล้งทำให้ดอกบัวมีขนาดเล็กมาก ขายส่งเหลือดอกละ 1 บาท เก็บขายได้เงินเพียงครั้งละ 500 บาท เงินที่เคยได้ก็ลดลงมากไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร
“นาบัวที่เหลืออยู่นี้หากไม่มีน้ำเข้ามาช่วยหล่อเลี้ยงช่วงสิ้นเดือนนี้ ก็คงจะเหี่ยวแห้งตายจนหมดแน่นอน จึงหวัง และภาวนาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้นาบัวที่เหลืออยู่นี้ได้รอดตาย มีน้ำเข้ามาช่วยหล่อเลี้ยงให้ป้าได้เก็บขายเลี้ยงชีวิตครอบครัว” คุณป้าบังอร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งในช่วงนี้ได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่ทำนาบัวในพื้นที่บ้านใหญ่นครบาล หมู่ 6 ตำบลดอนตะโก อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี แล้ว โดยในพื้นที่ดังกล่าวมีนาบัวอยู่ประมาณ 20 ไร่ แต่ขณะนี้ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากบัวที่ปลูกไว้ขาดน้ำต้องยืนต้นเหี่ยวแห้งตายไปแล้วกว่า 10 ไร่ หลังทางชลประทานได้ประกาศงดการปล่อยน้ำทำนาปรัง จนส่งผลกระทบต่อการทำนาบัว รวมถึงพืชผักการเกษตรอื่นๆ ด้วย แม้ว่าชาวนาหลายรายจะงดการทำนาปรังและหันมาปลูกพืชระยะสั้นทดแทนที่ใช้น้ำน้อยก็ตาม แต่สาเหตุมาจากในปีนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ มีน้อย จึงไม่สามารถปล่อยน้ำให้เกษตรกรทำนาได้
คุณป้าบังอร อินทอง อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/1 ตำบลดอนตะโก อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า ตนมีพื้นที่ติดคลองส่งน้ำในตำบลอ่างทอง ใกล้กับถนนเพชรเกษม ได้ยึดอาชีพทำนาบัวมากว่า 20 ปี เพราะพื้นที่มีทำเลดีเหมาะต่อการทำนาบัว เนื่องจากที่นาบัวมีน้ำไหลผ่านตลอด สร้างรายได้เลี้ยงดูครอบครัวมานานไม่เคยเกิดปัญหาในการเพาะปลูก แต่พอมาปีนี้ทางชลประทานงดปล่อยน้ำ ทำให้นาบัวที่ปลูกไว้กว่า 20 ไร่ ได้ขาดน้ำแห้งเหี่ยวตายไปแล้ว
คุณป้าบังอร บอกอีกว่า ปีนี้เกิดปัญหาน้ำแล้งไม่มีน้ำเลี้ยงในนาบัว ทำให้ตอนนี้นาบัวแห้งตายไปแล้ว 9 ไร่ ส่วนพื้นที่นาบัวที่เหลืออยู่นี้จะเก็บดอกบัวขายก่อนวันพระ 1 วัน 1 เดือนเก็บ 4 ครั้ง เคยมีรายได้จากการเก็บส่งประจำครั้งละ 1,000-2,000 บาท แต่พอมาปีนี้เกิดน้ำแล้งทำให้ดอกบัวมีขนาดเล็กมาก ขายส่งเหลือดอกละ 1 บาท เก็บขายได้เงินเพียงครั้งละ 500 บาท เงินที่เคยได้ก็ลดลงมากไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร
“นาบัวที่เหลืออยู่นี้หากไม่มีน้ำเข้ามาช่วยหล่อเลี้ยงช่วงสิ้นเดือนนี้ ก็คงจะเหี่ยวแห้งตายจนหมดแน่นอน จึงหวัง และภาวนาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้นาบัวที่เหลืออยู่นี้ได้รอดตาย มีน้ำเข้ามาช่วยหล่อเลี้ยงให้ป้าได้เก็บขายเลี้ยงชีวิตครอบครัว” คุณป้าบังอร กล่าว
