xs
xsm
sm
md
lg

บุกยึดที่ ภบท.5 กลางป่าน้ำหนาว พบ “สมีเกษม” เอี่ยวซื้อ-ขายที่ป่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เพชรบูรณ์ - ป่าไม้ กอ รมน.บุกยึดที่ ภบท.5 กลางป่าน้ำหนาว ทำสำนวนเอาผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ หลังพบ “สมีเกษม” มีชื่อเอี่ยวซื้อขายที่ป่าน้ำหนาว 4 แปลง ทำรัฐเสียหายกว่า 9 ล้านบาท ส่วนสนามบินเฮลิคอปเตอร์กลางป่ายังต้องรอจับกุม-รื้อถอน

วันนี้ (13 ก.พ.) นายมานพ สายอุ่นใจ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 4 สาขาพิษณุโลก สั่งการให้สายตรวจปราบปรามฯ สายที่ 2 พช., หน่วยป้องกันฯ ที่ พช.5 (นาพอสอง), พช.8 (น้ำเดื่อ) พช.18 (น้ำชุน), พช.2 (เขาค้อ) สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน.จังหวัดเพชรบูรณ์, ตำรวจ กก.4 บก.ปทส., ตำรวจภูธรน้ำหนาว, ตำรวจตระเวนชายแดน ตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำหนาว บริเวณป่าโนนสวัสดิ์ หมู่ที่ 6 ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์

หลังพบว่ามีการซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินเปล่า (ภบท.5) อีกทั้งมีอดีตพระเกษม อาจิณณสีโล หรือเจ้าของที่พักสงฆ์สามแยก หรือนายเกษม ดวงแพงมาต เป็นผู้ประสานงาน-ลงนามเป็นพยานซื้อขายที่ดินจำนวน 4 แปลง รวมเนื้อที่ 61-1-92 ไร่ คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐจำนวน 9,222,000 บาท ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรน้ำหนาว เพื่อสืบสวนสอบสวนนำตัวผู้กระทำผิดกฎหมายรายนี้มาดำเนินคดี

จุดเกิดเหตุมีถนนผ่ากลาง มีการปลูกยางพาราประมาณ 2-3 ปี อาทิ แปลงแรก มีนายบุญมี ทะสูง ราษฎร หมู่ 6 ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว เป็นผู้ครอบครองมาก่อน ได้ขายที่ดินให้วัดสามแยกโนนสวัสดิ์ โดยมีผู้ประสานการซื้อขายคือ อดีตพระเกษม และมีผู้เลื่อมใสเป็นผู้จ่ายเงินจำนวน 2 ล้านบาท

นายมานพ สายอุ่นใจ เปิดเผยว่า การจับกุมผู้บุกรุกป่าสงวนมีการซื้อขายกันชัดเจน มีหลักฐานซื้อขายพร้อมใบ ภบท.5 ถือว่าผิดกฎหมาย เบื้องหลังผู้ครอบครองที่ดินป่าสงวนคือ อดีตพระเกษม มีหลักฐานและบันทึกปากคำพยานในที่เกิดเหตุเรียบร้อย นับจากนี้ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจที่จะต้องเรียกอดีตพระเกษมมาดำเนินการตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตรวจยึดครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับที่พักสงฆ์ห้วยผึ้ง หรือที่พักสงฆ์ป่าสวมแยก หมู่ 6 ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำหนาว เนื่องจากอยู่ในโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ร่วมกับพระสงฆ์ และเป็นคนละคดีกับสนามบิน ฮ. ที่นายเกษมลงลายมือชื่อสัญญาชื้อขายพร้อมใบ ภบท.5 ซื้อที่ดินต่อจากนายหิน คำมา เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 53 ในราคา 1.2 ล้านบาท ถือว่าผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติเช่นกันทั้ง 2 กรณี รอเวลาจับกุมและรื้อถอนต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น