พิจิตร - อธิบดี กพร.เปิดเวทีสาธารณะฟังเสียงชาวบ้าน-เหมืองทองอัครา จี้เหมืองตอบคำถาม 3 ข้อใหญ่ ทั้งความคืบหน้ารักษาเยียวยาชาวบ้านผลเลือดผิดปกติ 250 คน ที่มาสารโลหะหนัก หลักธรรมาภิบาล ก่อนชี้ขาดให้เปิดเดินเครื่องต่อหรือไม่
วันนี้ (11 ก.พ.) นายสุรพงษ์ เชียงทอง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้เป็นประธานการเปิดเวทีสาธารณะ 2 แห่ง ที่ห้องประชุมโรงเรียนวังโป่งพิทยา ต.ท้ายดง อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ และห้องประชุมโรงเรียนเขาทรายทับคล้อ ต.เขาทราย อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร เพื่อรับฟังความคิดเห็นการดำเนินการตามคำสั่งให้หยุดประกอบโลหกรรมของเหมืองแร่ทองคำ อัครา รีซอร์สเซส ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ซึ่งมีพื้นที่สัมปทานครอบคลุมไปถึงเขต จ.เพชรบูรณ์
โดยมี น.ส.สื่อกัญญา ธีระชาติดำรง พร้อมชาวบ้านที่คัดค้านการทำเหมือง เพราะเห็นว่าส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต สุขภาพ และนายปกรณ์ สุขุม ซีอีโอบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่นำชาวบ้านฝ่ายสนับสนุนการทำเหมืองเข้าร่วม ท่ามกลางตำรวจและทหารประมาณ 40 นาย ภายใต้การนำของ พ.อ.นภัค สุวรรณคีรี เสนาธิการ กกล.รส.จทบ.เพชรบูรณ์ คอยควบคุมและดูแลรักษาความสงบ
โดยการเปิดเวทีในครั้งนี้ได้ให้ทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็นและชี้แจง แต่ต้องอยู่ในความสงบและสุภาพเรียบร้อย ห้ามไม่ให้มีเสียงโห่ฮา หรือแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม จะพูดหรือแสดงความคิดเห็นได้ต้องยกมือขออนุญาตก่อน ซึ่งทุกฝ่ายก็เคารพในกติกา จึงทำให้บรรยากาศดูนุ่มนวลลง
นายสุรพงษ์กล่าวบนเวทีสาธารณะว่า ที่ผ่านมา กพร.ทุ่มเททุกอย่าง ทั้งบุคลากรและชื่อเสียงของกรม ที่อนุญาตให้เหมืองทองอัครามาเปิดหน้าดินทำอุตสาหกรรมแร่ทองคำ ดังนั้นจะไม่ปล่อยให้ทั้งฝ่ายเหมืองทอง และฝ่ายชาวบ้านต้องเดือดร้อนอย่างเด็ดขาด
ก่อนหน้านี้ กพร.เคยสั่งการทางเหมือนเป็นการบ้าน ให้เหมืองทองอัคราไปแก้ไขในบางหัวข้อที่ชาวบ้านร้องทุกข์ แต่ก็ปรากฏว่าเวลาผ่านมาก็ไม่แก้ไขตามที่สั่ง จึงต้องสั่งหยุดดำเนินกิจการ 30 วันมาตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. ซึ่งเหลืออีกเพียงไม่กี่วันก็จะครบกำหนดที่สั่งหยุด วันนี้จึงเป็นการมาพูดคุยกันระหว่าง กพร. กับเหมืองทองอัครา แต่เปิดให้เป็นเวทีสาธารณะ เพื่อให้ทุกคนทุกฝ่ายได้ฟังพร้อมกัน จะได้ช่วยกันตรวจสอบ
นายสุรพงษ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณทางเหมืองที่ดูแลและจ่ายเงินเดือนคนงานครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์ช่วงที่มีคำสั่งให้หยุด แต่ต่อไปนี้ขอให้ปฏิบัติให้เข้มข้นตามที่สั่งให้แก้ไข และควรต้องรายงานมายัง กพร.ทุกวัน เหมืองทองอัคราต้องทำงานขยันให้มากกว่านี้ ในการดูแลเอาใจใส่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ต้องลงไปหาสาเหตุด้วยการไปพูดคุยกับชาวบ้าน รวมถึงต้องประสานกับนักวิชาการที่ต้องเป็นนักวิชาการที่แท้จริง
ส่วนเหมืองทองจะเปิดดำเนินการต่อได้หรือไม่ เมื่อครบตามกำหนดสั่งหยุดงาน 30 วันแล้ว คือหลังจากวันที่ 14-15 ก.พ. ขึ้นอยู่ที่วันนี้จะต้องส่งรายงานมาให้ กพร. 3 เรื่อง คือ 1. เรื่องชาวบ้าน 250 คนมีผลเลือดผิดปกติ อยู่ในข่ายที่ต้องนำตัวไปรักษาพยาบาลหรือเยียวยา ว่าได้ดำเนินการไปถึงไหน ทำตามสั่งหรือไม่
2. ต้องหาสาเหตุที่มาของสารโลหะหนัก จะต้องมีผลงานวิจัย ซึ่งเหมืองทองอัคราอ้างว่าได้ไปตกลงทำสัญญาว่าจ้างกับมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งก็ต้องเอาสัญญามาให้ดู เพื่อ กพร.จะได้ไปตรวจสอบว่ามหาวิทยาลัยลงนามเป็นคู่สัญญากับอัคราจริงหรือไม่ รวมถึงต้องดูในรายละเอียดว่าจะทำอะไรบ้าง ถ้าขาดตกบกพร่อง ไม่เป็นอย่างที่สั่งก็จะได้ให้แก้ไขสัญญาให้ครอบคลุมในการแก้ปัญหา
3. เรื่องอื่นๆ ที่จะต้องตอบข้อซักถามถึงหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินกิจการ ว่าจะทำอะไรในการดูแลและใส่ใจชาวบ้าน รวมถึงสิ่งแวดล้อมที่อยู่โดยรอบพื้นที่สัมปทาน
ด้านนายปกรณ์กล่าวยืนยันอย่างมั่นใจว่า การบ้านที่อธิบดี กพร.ให้มานั้น ตนและทีมงานได้ทำไว้พร้อมแล้ว ส่วนเรื่องหลักธรรมาภิบาลในการดูแลใส่ใจชาวบ้าน ก็ขอให้สัจจะว่าเหมืองทองอัคราไม่ได้เป็นนักธุรกิจหรือนักลงทุนที่แสวงหากำไรเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่แสวงหาคือ การผูกมิตรกับชาวบ้านที่อยู่โดยรอบเหมืองทอง อีกทั้งจะต้องฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมภายหลังใช้ประโยชน์เสร็จแล้วคืนสู่ชุมชนด้วย โดยมีการจัดกองทุนที่เป็นงบประมาณไว้อย่างเพียงพออยู่ใน กพร. ถูกต้องตามสัญญาแล้ว