ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตัวแทนชาวบ้านรอบเหมืองทองอัคราฯ 4 จังหวัด ทั้งพิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย นัดตบเท้าขอความเป็นธรรมจาก ม.มหิดลวันนี้ หลังระบุโลหะหนักในเลือดชาวบ้านเกิดจากพฤติกรรมการกิน ขณะที่คนงานเครือ “อัครารีซอร์สเซส” ล่าชื่อหนุนเหมือง รอง ปธ.หอฯ บอก ปิดเหมืองไม่กี่วันเงินหาย 500 ล้าน
วันนี้ (3 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัครารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) จากพิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ร่วมกับจังหวัดเลย ประมาณ 50 คนจะเดินทางเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่อาคารบี ห้องประชุมชั้น 7 ในช่วงสายของวันนี้
โดยมีการเชิญแพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์, ดร.สมิทธ์ ตุงคะสมิต อาจารย์วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต, ตัวแทนกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่, ตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข, ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และจังหวัดเลยเข้าร่วมประชุมด้วย
จากนั้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ตัวแทนชาวบ้านจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่ออธิการบดี ม.มหิดล พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เพื่อขอความเป็นธรรมที่นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ให้ข้อมูลผลกระทบด้านสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมของประชาชนรอบเหมืองทอง โดยชี้ว่าสารโลหะต่างๆ ที่ตรวจพบในเลือดของชาวบ้านไม่ได้เกิดจากการทำเหมืองทองของบริษัทอัคราฯ แต่อาจเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคของชาวบ้านเอง เพื่อขอให้เปิดเผยขั้นตอนการวิจัย และข้อมูลที่สุ่มตรวจต่อสาธารณะ
นายดาว บัวขำ อายุ 55 ปี พนักงานของบริษัทโลตัสฮอล ในเครือบริษัทอัคราฯ อาศัยอยู่ที่หมู่ 3 บ้านเขาดิน ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ได้เป็นแกนนำล่ารายชื่อชาวบ้านจำนวน 2,495 คนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ พร้อมด้วยเพื่อนบ้านจำนวน 24 คน ยื่นต่อนายสุรพงษ์ เชียงทอง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เพื่อชี้แจงว่า ตลอด 14 ปีที่เหมืองทองดำเนินกิจการ พวกตนไม่เคยได้รับผลกระทบเรื่องสุขภาพ หรือสิ่งแวดล้อม
แต่เหตุที่เกิดการประท้วงร้องทุกข์ร้องเรียนเกิดจากกลุ่มคนไม่กี่คนที่ต้องการขายที่ดินในราคาสูงแล้วเหมืองทองไม่ซื้อ จนถูกสื่อมวลชนเสนอข่าวจนเป็นเหตุปิดเหมืองทอง 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. 2558 เป็นต้นมา
จึงขอให้อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) รับรู้และเข้าใจ โดยชาวบ้านกลุ่มนี้แสดงเจตนาสนับสนุนเหมืองแร่ทองคำอัคราฯ อย่างชัดเจน
ขณะที่นางบังเอิญ ขวัญใจรักษ์ อายุ 60 ปี รองประธานหอการค้าจังหวัดพิจิตร และเป็นนักธุรกิจอยู่ในเขตอำเภอทับคล้อ ออกมาระบุว่า การปิดเหมืองแร่ทองคำอัคราที่เขาเจ็ดลูกเพียงไม่กี่วันส่งผลกระทบถึงการค้าขายในพื้นที่แล้ว เนื่องจากบรรยากาศทางการค้าซบเซาเงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด พนักงานเกือบ 2,000 ครอบครัวต่างหยุดจับจ่ายใช้สอย อีกทั้งวัสดุครุภัณฑ์ที่เหมืองทองอัคราเคยซื้อก็พลอยได้รับผลกระทบ ซึ่งคาดว่าเม็ดเงินหายไปจากท้องถิ่นในช่วงที่ปิดเหมืองทองประมาณ 500 ล้านบาท
