นครปฐม - หนุ่มช่างภาพข่าวท้องถิ่นนครปฐม จุดกระแสประชาชนตื่นตัวช่วยแจ้งเบาะแสคนร้ายก่อเหตุข่มขืนหญิงชรา 10 คดี ด้วยการนำภาพสเกตช์ของคนร้ายที่ตำรวจล่าตัวมาประกบกับใบหน้าของตัวเองขึ้นในหน้าเฟซบุ๊ก เพื่อจุดกระแสสังคมในโลกออนไลน์ให้สามารถจดจำใบหน้าคนร้ายได้ง่ายขึ้น เพื่อช่วยตำรวจติดตามไล่ล่า “ฆาตกรกามวิปริต” ที่ตำรวจยังตามจับกุมตัวไม่ได้อีกทางหนึ่ง
วันนี้ (7 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนพื้นที่เฟซบุ๊กที่ชื่อ Kiengsak Amjam ได้นำภาพสเกตช์ของคนร้ายมาลงในเฟซบุ๊กประกบกับใบหน้าของตัวเอง ซึ่งเป็นภาพสเกตช์ของคนร้ายที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน ซึ่งเป็นคนร้ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามตัว หลังก่อเหตุข่มขืนหญิงชรา โดยมีการฆาตกรรมไปแล้ว 2 ราย จากเหยื่อที่ถูกก่อเหตุ 10 ราย เหตุเกิดในพื้นที่จังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถติดตาม และจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่คนร้ายมักจะใช้ก่อเหตุ เช่น บ้านสวน ในที่เปลี่ยว กลางคืน กำลังเกิดความหวั่นวิตก และกลัวคนร้ายจะมาก่อเหตุในพื้นที่บ้านของตัวเอง แม้ตำรวจจะมีการส่งชุดไล่ล่าลงไปติดตามตัวคนร้ายจากเบาะแสทั้ง DNA หรือแม้แต่ภาพสเกตช์ รวมถึงพยาน และเหยื่อทั้งหมดที่เคยเห็นคนร้าย
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังเจ้าของเฟซบุ๊ก โดยทราบชื่อต่อมาคือ นายเกรียงศักดิ์ อ่ำแจ่ม อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 338/101 ม.8 ต.บ่อพลับ อ.เมือง จ.นครปฐม เป็นช่างภาพของสื่อท้องถิ่นแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม โดยได้รับการเปิดเผยจาก นายเกรียงศักดิ์ ว่า ตนได้นำภาพสเกตช์ของคนร้ายมาลงประกบกับใบหน้าของตนมาโพสต์ขึ้นในหน้าเฟซบุ๊กของตนเองจริง โดยเขียนบรรยายใต้ภาพว่า “ใบหน้าก็ใกล้เคียงอยู่นะ”
นายเกรียงศักดิ์ บอกว่า ที่ตนทำเช่นนี้เนื่องจากตั้งแต่ช่วงเกิดเหตุที่ผ่านมา พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานกันอย่างหนักในการติดตามคนร้าย และมีกระแสต่างๆ มากมายของคนร้ายเข้ามาในพื้นที่จังหวัดนครปฐม โดยมีข่าวลือไปต่างๆ นานา แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่พบเบาะแสคนร้ายที่ชัดเจน ตนจึงได้คิดที่จะหาวิธีในการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการติดตามคนร้าย จึงได้คิดว่าวิธีทางการใช้สื่อโซเชียลมีเดียของตนเองน่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการกระจายสภาพสเกตช์ของคนร้ายให้เกิดเป็นวงกว้างมากขึ้น
นายเกรียงศักดิ์ บอกอีกว่า หลังจากตนได้ลงพื้นที่ติดตามข่าวนี้มาได้ระยะหนึ่งพบว่า ตำรวจได้มีการทำงานในการติดตามคนร้ายอย่างหนัก ร่วมกับทหาร และฝ่ายปกครอง รวมถึงผู้นำชุมชนในพื้นที่ และชาวบ้านให้มีการแจ้งเป้าหมายที่น่าสงสัย ซึ่งผ่านมาจนถึงวันนี้พบว่า กระแสข่าวนั้นมีข่าวลือไปต่างๆ นานา บางแห่งลือว่าจับคนร้ายได้แล้ว บางแห่งลือว่ามีชายลักษณะคล้ายคนร้ายไปอยู่ในบริเวณบ้านตัวเอง แต่เมื่อตำรวจได้ติดตามไปแต่ก็ยังไม่พบตัว
นายเกรียงศักดิ์ ยังบอกต่ออีกว่า หลังจากตนเองได้ภาพสเกตช์มาแล้วก็ได้นำมาเสนอในสื่อท้องถิ่น แต่ก็มีเพื่อนๆ โทร.มาสอบถามว่า เหตุการณ์เป็นอย่างไร และให้ความสนใจกับเรื่องนี้บ่อยครั้ง ตนเองได้ตัดสินใจว่าควรจะช่วยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอีกทางโดยการใช้โซเชียลมีเดียให้เกิดประโยชน์ โดยคิดจะสร้างกลอุบายให้คนทั่วไปได้เห็นหน้าคนร้ายบ่อยขึ้นเพื่อให้จดจำได้ หากไปพบตัวที่ไหน
จึงได้นำภาพสเกตช์ของคนร้ายมาเทียบกับใบหน้าของตนเอง และสอบถามเพื่อนๆ ในกลุ่มสังคมว่า ตนเองมีหน้าตาเหมือนคนร้ายหรือไม่ ซึ่งจะทำให้ไม่เครียดแต่สามารถสร้างกลอุบายให้คนได้จดจำหน้าคนร้ายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งกำลังจะท้าทายให้เพื่อนๆ ในโซเชียล ได้นำภาพสเกตช์ของคนร้ายมาเทียบที่ใบหน้าของแต่ละคน เพื่อให้เกิดกระแสฟีเวอร์ เช่น การทำไอซ์บักเก็ต ที่เป็นกระแสดังเมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งกระแสนี้หากได้ผลก็หวังจะช่วยให้มีการช่วยกันของสังคมเป็นหูเป็นตา และนำมาสู่การติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้
นายเกรียงศักดิ์ บอกอีกว่า ที่ตนเองออกมาทำเช่นนี้ขอเริ่มจากกลุ่มเพื่อนก่อน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยตำรวจมีการตั้งรางวัลในการติดตามคนร้าย 2 แสนบาท แต่ตนเองไม่คิดหวังจะได้เงินรางวัล เพียงแต่หวังจะให้สังคมช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการติตามคนร้าย เพื่อที่คนแก่หรือคนที่ยังจะตกเป็นเหยื่อในอนาคตจะได้ไม่มีเกิดขึ้นอีก และทำให้สังคมต้องช่วยกันในเรื่องนี้
โดยส่วนตัวตนเองเพียงหวังให้มีคนจดจำในหน้าคนร้ายมากขึ้น และนำไปสู่การจับกุมคนร้ายเท่านั้น และอยากชวนให้เพื่อนๆ มาร่วมกิจกรรม เอาภาพใบหน้าคนร้ายมาแสดงให้สังคมได้เห็นบ่อยขึ้นเพื่อจะได้จดจำได้ดี หากไปพบตัวจริงของคนร้ายจะได้มีการช่วยสังคมอีกทางด้วย