นครปฐม - ตำรวจเปลี่ยนเป้าไล่ล่า “ฆาตกรกามวิปริต” 10 คดีต่อเนื่อง พุ่งเป้าไปที่คนงานสวนมะพร้าว พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ชี้คนร้ายเป็นคนที่ฉลาด แต่ไม่ได้มีความรู้มากนัก แต่เชื่อไม่เก่งไปกว่าตำรวจแน่นอน
เมื่อเช้าวันนี้ (2 ก.พ.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการติดตามจับกุมคนร้ายคดีข่มขืนต่อเนื่อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชั้น 2 ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจกลาง ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.นำทีมคลี่คลายคดีคนร้ายก่อเหตุข่มขืนต่อเนื่อง 3 จังหวัด เข้าร่วมประชุมสรุปข้อมูล และวางแผนประจำวันในการเร่งติดตามคนร้าย โดยการประชุมไม่มีการเปิดโอกาสให้สื่อมวลชน หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปร่วมรับฟังแนวทางการทำงาน
ต่อมา เวลา 12.20 น. พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้ออกมาแถลงข้อมูล และให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวหลายแขนงว่า ตอนนี้ตำรวจได้ตีวงแคบจากการวิเคราะห์และข้อมูลทั้งหมดของคนร้ายที่ก่อเหตุไปที่คนงานที่เกี่ยวกับมะพร้าว ซึ่งเป็นอาชีพของคนงานที่จะมีทั้ง 3 จังหวัดเกิดเหตุ โดยเศษกะลามะพร้าวในคดีที่ 3 ที่พบในที่เกิดเหตุ แต่ก็ยังไม่ได้เป็นตัวชี้ชัดทั้งหมดว่า จะเกี่ยวพันเป็นเรื่องที่ชัดเจน เพียงแต่เป็นข้อมูลประกอบที่เกิดขึ้นเท่านั้น เนื่องจากคนที่ทำงานเกี่ยวกับมะพร้าวนั้นมีมาก
“สำหรับคนร้ายรายนี้น่าจะเป็นคนที่ฉลาด แต่ไม่ได้มีความรู้มากนัก และเชื่อว่าไม่เก่งไปกว่าตำรวจแน่นอน” พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า เบื้องต้นอุปสรรคของการทำงานคือ จำนวนปริมาณเป้าหมายที่มีมากทำให้ตำรวจต้องทำงานหนัก แต่ถือว่าไม่ใช่อุปสรรคทีเดียว เพราะถือเป็นภารกิจ เพราะ พล.ต.อ.วรพงษ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.ได้ลงไปให้ขวัญกำลังใจตลอดเวลา
สำหรับตัวคนร้ายน่าจะเป็นคนงานที่ทำงานได้ทั้ง 3 จังหวัดเคลื่อนตัวไปมาได้ทั้ง 3 จังหวัดแบบไปๆ มาๆ จะสามารถทำที่ไหนก็ได้ โดยตอนนี้พบว่า เหยื่อได้บอกว่าคนร้ายมีมือที่สากก็น่าจะเป็นคนทำงานจับสิ่งของโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นลูกมะพร้าว ปีนมะพร้าว ยกมะพร้าว แต่ช่วงนี้ก็ยังจำกัดวงแคบมาที่ประเด็นนี้ก่อน ซึ่งจะมีการรายผลกันวันต่อวัน
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านที่เกิดเหตุหลังหนึ่งในเขตพื้นที่อำเภอนครชัยศรี ปรากฏว่าด้านหน้าบ้านถูกปิดตายโดยมีลายเซ็นกำกับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสภาพบ้านเงียบไม่มีคนอยู่บ้าน และไม่มีชาวบ้านออกมาจับกลุ่มพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้พยายามติดต่อเพื่อขอพบกับผู้ใหญ่บ้านโดยนัดกันไว้ที่บริเวณร้านค้ากลางหมู่บ้าน แต่เมื่อทางผู้ใหญ่บ้านทราบว่า เป็นผู้สื่อข่าวจึงได้ปิดโทรศัพท์ และไม่ออกมาพบตามนัด โดยบริเวณหมู่บ้านมีตำรวจสายสืบลงพื้นที่ทำงานอย่างคร่ำเคร่งไม่พูดจากับใคร โดยเน้นทางด้านการเก็บข้อมูลบ้านเรือนของผู้สูงอายุ และเส้นทางเข้าออกในหมู่บ้านเพื่อหาข้อมูลเป้าหมายที่คนร้ายมักใช้ก่อเหตุเพื่อรายงานต่อผู้บังคับบัญชาต่อไป
