ราชบุรี - ชาวบ้าน 22 ชุมชน ในอำเภอบ้านโป่งกว่า 500 คน ลุกจากเก้าอี้วอล์กเอาต์ออกจากห้องทำประชาพิจารณ์ หลังปลัดอาวุโสรักษาราชการแทนนายอำเภอบ้านโป่ง เชิญมาหารือเรื่องการย้ายที่ว่าการอำเภอบ้านโป่ง ไปสร้างแห่งใหม่ ชาวบ้านยันไม่ให้ย้ายหวั่นผลกระทบมากมายตามมา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดราชบุรี ว่า จากกรณีที่จะมีการย้ายที่ว่าการอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ไปตั้งอยู่ในสถานที่แห่งใหม่ เนื่องจากเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา นายรุจน์ประทีป ธรรมรพีภัทร์ นายอำเภอบ้านโป่ง คนเก่า ปัจจุบันย้ายไปดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบศีรีขันธ์ ได้ประสานขอเงินงบอนุมัติประมาณจากกระทรวงมหาดไทย 16 ล้านบาท เป็นงบประมาณปี 2558 มาทำการก่อสร้างที่ว่าการอำเภอบ้านโป่งแห่งใหม่ขึ้น
โดยมีนักธุรกิจคนหนึ่งยกที่ดินบริเวณริมถนนเลียบคลองชลประทานหัวโป่ง พื้นที่ตำบลหนองอ้อ อำเภอบ้านโป่ง จำนวน 5 ไร่ ให้ดำเนินการก่อสร้าง โดยให้เหตุผลการย้ายว่า สถานที่ตั้งอำเภอบ้านโป่ง ปัจจุบันมีความคับแคบแออัด ประชาชนที่มาติดต่อราชการไม่ได้รับความสะดวกด้านการจอดรถ ต่อมา หลังจากชาวบ้านทราบข่าวได้มีการรวมตัวกันออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยต่อการจะย้ายที่ว่าการอำเภอไปตั้งอยู่ที่แห่งใหม่
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (1 ก.พ.) ร.ต.สมบัติ สิงห์คาร ปลัดอาวุโส ปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนนายอำเภอบ้านโป่ง ได้เชิญชาวบ้านจาก 22 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง มาร่วมในการทำประชาพิจารณ์ และแสดงความคิดเห็นการย้ายที่ว่าการอำเภออีกครั้ง โดยใช้ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองบ้านโป่ง เป็นสถานที่ทำประชาพิจารณ์ มีชาวบ้านกว่า 500 คน เดินทางมาร่วม
พร้อมกับมีการสลับเปลี่ยนกันลุกขึ้นสอบถาม และแสดงความคิดเห็นเรื่องผลกระทบที่จะตามมาหลังการย้ายอำเภอไปตั้งที่แห่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นด้านการค้าขายของชาวบ้านในตลาดเทศบาลเมืองบ้านโป่ง รวมทั้งการเดินทางไปติดต่อราชการ เพราะที่ตั้งอำเภอแห่งใหม่ไกลไปไม่สะดวก สิ่งสำคัญคือ อำเภอบ้านโป่ง ได้ตั้งคู่กับชาวบ้าน และตลาดบ้านโป่งมานานเกือบ 90 ปี ตั้งแต่สมัยยังเป็นอาคารไม้ ก่อนที่จะมีการรื้อ และก่อสร้างอาคารขึ้นมาใหม่ตรงที่เดิม โดยชาวบ้านทั้งหมดที่มาได้แสดงจุดยืนคัดค้านการย้ายที่ว่าการอำเภอ พร้อมพากันลุกจากเก้าอี้นั่ง เดินออกโดยไม่ร่วมการทำประชาพิจารณ์ครั้งนี้
นายกฤษฎา ประดิษฐ์กุล รองนายกเทศมนตรีเมืองบ้านโป่ง กล่าวว่า ชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ส่วนใหญ่ได้ออกมาแสดงการคัดค้านการย้ายที่ว่าอำเภอมาโดยตลอด แต่ก็ยังมีความพยายามที่จะย้ายอำเภอไปตั้งที่อื่นให้ได้ และที่ทราบมานั้น ได้มีการให้ผู้นำท้องถิ่นในตำบลต่างๆ ไประดมชาวบ้านให้ออกมาสนับสนุน และต่อสู้กับชาวบ้านที่ออกมาคัดค้าน จึงทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในกลุ่มประชาชน ทั้งที่ทางรัฐบาล และทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายต้องการทำให้คนไทยเกิดความปรองดองสมานฉันท์ แต่เวลานี้ชาวบ้านที่นี่เกิดความแตกแยกกัน ก็เพราะสาเหตุต้องการจะย้ายที่ว่าการอำเภอบ้านโป่งเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดราชบุรี ว่า จากกรณีที่จะมีการย้ายที่ว่าการอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ไปตั้งอยู่ในสถานที่แห่งใหม่ เนื่องจากเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา นายรุจน์ประทีป ธรรมรพีภัทร์ นายอำเภอบ้านโป่ง คนเก่า ปัจจุบันย้ายไปดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบศีรีขันธ์ ได้ประสานขอเงินงบอนุมัติประมาณจากกระทรวงมหาดไทย 16 ล้านบาท เป็นงบประมาณปี 2558 มาทำการก่อสร้างที่ว่าการอำเภอบ้านโป่งแห่งใหม่ขึ้น
โดยมีนักธุรกิจคนหนึ่งยกที่ดินบริเวณริมถนนเลียบคลองชลประทานหัวโป่ง พื้นที่ตำบลหนองอ้อ อำเภอบ้านโป่ง จำนวน 5 ไร่ ให้ดำเนินการก่อสร้าง โดยให้เหตุผลการย้ายว่า สถานที่ตั้งอำเภอบ้านโป่ง ปัจจุบันมีความคับแคบแออัด ประชาชนที่มาติดต่อราชการไม่ได้รับความสะดวกด้านการจอดรถ ต่อมา หลังจากชาวบ้านทราบข่าวได้มีการรวมตัวกันออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยต่อการจะย้ายที่ว่าการอำเภอไปตั้งอยู่ที่แห่งใหม่
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (1 ก.พ.) ร.ต.สมบัติ สิงห์คาร ปลัดอาวุโส ปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนนายอำเภอบ้านโป่ง ได้เชิญชาวบ้านจาก 22 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง มาร่วมในการทำประชาพิจารณ์ และแสดงความคิดเห็นการย้ายที่ว่าการอำเภออีกครั้ง โดยใช้ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองบ้านโป่ง เป็นสถานที่ทำประชาพิจารณ์ มีชาวบ้านกว่า 500 คน เดินทางมาร่วม
พร้อมกับมีการสลับเปลี่ยนกันลุกขึ้นสอบถาม และแสดงความคิดเห็นเรื่องผลกระทบที่จะตามมาหลังการย้ายอำเภอไปตั้งที่แห่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นด้านการค้าขายของชาวบ้านในตลาดเทศบาลเมืองบ้านโป่ง รวมทั้งการเดินทางไปติดต่อราชการ เพราะที่ตั้งอำเภอแห่งใหม่ไกลไปไม่สะดวก สิ่งสำคัญคือ อำเภอบ้านโป่ง ได้ตั้งคู่กับชาวบ้าน และตลาดบ้านโป่งมานานเกือบ 90 ปี ตั้งแต่สมัยยังเป็นอาคารไม้ ก่อนที่จะมีการรื้อ และก่อสร้างอาคารขึ้นมาใหม่ตรงที่เดิม โดยชาวบ้านทั้งหมดที่มาได้แสดงจุดยืนคัดค้านการย้ายที่ว่าการอำเภอ พร้อมพากันลุกจากเก้าอี้นั่ง เดินออกโดยไม่ร่วมการทำประชาพิจารณ์ครั้งนี้
นายกฤษฎา ประดิษฐ์กุล รองนายกเทศมนตรีเมืองบ้านโป่ง กล่าวว่า ชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ส่วนใหญ่ได้ออกมาแสดงการคัดค้านการย้ายที่ว่าอำเภอมาโดยตลอด แต่ก็ยังมีความพยายามที่จะย้ายอำเภอไปตั้งที่อื่นให้ได้ และที่ทราบมานั้น ได้มีการให้ผู้นำท้องถิ่นในตำบลต่างๆ ไประดมชาวบ้านให้ออกมาสนับสนุน และต่อสู้กับชาวบ้านที่ออกมาคัดค้าน จึงทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในกลุ่มประชาชน ทั้งที่ทางรัฐบาล และทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายต้องการทำให้คนไทยเกิดความปรองดองสมานฉันท์ แต่เวลานี้ชาวบ้านที่นี่เกิดความแตกแยกกัน ก็เพราะสาเหตุต้องการจะย้ายที่ว่าการอำเภอบ้านโป่งเท่านั้น
