บุกยึดไม้สักคาป่าอุตรดิตถ์ พิรุธตีตราเตรียมสวมตอไม้แปลงปลูก แฉ ส.จ.วิ่งเคลียร์แต่ไม่จบ

อุตรดิตถ์ - ทหาร ป่าไม้ เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ บุกยึดไม้สักรอการสวมตอข้างแปลงปลูกป่าของสวนป่าเขาพลึง-บ้านด่าน เชื่อทำเป็นขบวนการ มีระดับ ส.จ.เคลียร์แต่ไม่จบ พบตีประทับเลขเรียงพร้อม เชื่อเตรียมสวมกับเอกสารการทำไม้ตาม พ.ร.บ.สวนป่า พ.ศ. 2535

วันนี้ (15 ม.ค.) พ.อ.สมใจ รอดสุขเจริญ หัวหน้าศูนย์ประสานความมั่นคงพิเศษ กอ.รมน.ภาค 3 กองทัพภาคที่ 3, นายไพรัช มณีงาม ผอ.ส่วนอนุรักษ์และป้องกัน สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 11, นายสักรินทร์ ปัญญาใจ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปรามภาคเหนือ และนายสายัณห์ เกิดมั่น หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าหน่วยฯ อต.9 (นาปู่โท่น) สนธิกำลังป่าไม้ตรวจยึดไม้สักบริเวณป่าบ้านน้ำไคร้ เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยเกียงพา และป่าน้ำไคร้ หมู่ที่ 9 ต.บ้านด่านนาขาม อ.เมืองอุตรดิตถ์

หลังรับแจ้งจากผู้หวังดีว่ามีนายทุนผู้มีอิทธิพล ที่มีตำแหน่ง ส.จ.ในพื้นที่ ลักลอบตัดไม้สักแล้วนำไปสวมตอเป็นไม้สวนป่าที่ได้รับอนุญาตถูกต้องเพื่อส่งไปจำหน่ายนอกพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และทหารได้ตรวจยึดไม้ทั้งหมดได้ 117 ท่อน มูลค่าไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท

จากการตรวจสอบพื้นที่พบบริเวณพื้นที่ดังกล่าวไม่มีการออกเอกสารสิทธิที่ดิน แต่มีไม้สักถูกตัดล้มระเนระนาดคาตอเป็นบริเวณกว้าง ขณะที่บริเวณหน้าไม้มีประทับตราเลขเรียงประจำท่อน คาดว่าไม้ดังกล่าวเตรียมจะนำไปรวมกับไม้ที่ตัดโค่นจากสวนป่าอย่างถูกต้องตาม พ.ร.บ.สวนป่า พ.ศ. 2535 ที่เตรียมไว้แล้ว และเชื่อว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ เนื่องจากรู้วิธีการตัดไม้สักเถื่อน และนำไปส่งขายอย่างถูกกฎหมาย

นายสักรินทร์ ปัญญาใจ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปรามภาคเหนือ กล่าวว่า พบมีการใช้เลื่อยโซ่ยนต์ลักลอบตัดโค่นต้นสักคาตอ ลักษณะใหม่ คือ ใบไม้ยังไม่แห้ง คาดลอบตัดมาประมาณ 2 วันที่ผ่านมา จากนั้นมีการตัดทอนเป็นท่อนรอการขนย้ายออกนอกพื้นที่ ขณะตรวจยึดไม่พบผู้ใดอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ทราบแล้วว่าใครเพราะอยู่ข้างสวนผลไม้ และไม่ห่างจากสวนป่าสักปลูก

“คนทำเป็นผู้มีอิทธิพล ทราบอีกว่ามีตำแหน่งเป็น ส.จ.ในพื้นที่ ทำเป็นขบวนการ และผ่านการเคลียร์เจ้าหน้าที่แต่ไม่สำเร็จทุกหน่วย เจ้าหน้าที่จึงยึดไม้สักแล้วแจ้งต่อสถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ พร้อมประสานงานกับเจ้าหน้าที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ภาคเหนือล่างสนับสนุนรถจอหนังขนย้ายไม้สักท่อนไปเก็บที่วนอุทยานเขาพลึง-บ้านด่านต่อไป”

ด้าน พ.อ.สมใจ รอดสุขเจริญ หัวหน้าศูนย์ประสานความมั่นคงพิเศษ กอ.รมน.ภาคที่ 3 กล่าวว่า ไม้สักท่อนที่พบเตรียมนำไปสวมตอกับไม้สักจากแปลงที่ขออนุญาตไว้ถูกต้อง เนื่องจากมีการตัดทอนแล้วตีตรา โดยเครื่องหมายของกรมป่าไม้ ตรา ต.๗๗๔๙ ย.๓๕๔ เลขเรียง ๒๑-๑๓๗ ปีย่อ ๕๘ ตีประทับที่หน้าตัดไม้สักท่อนของกลางทั้ง 117 คิดเป็นปริมาตร 55.48 ลบ.ม. เพื่อเป็นหลักฐานแสดงการตรวจยึด คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐตามราคากลาง 1,387,000 บาท แต่ราคาตลาดร่วมๆ 3 ล้านบาท อีกทั้งไปดูในพื้นที่ยังพบว่ามีพ่นสีแดงไว้ที่ต้นสัก และต้นไม้กระยาเลยอีกจำนวนมาก

ขณะที่นายไพรัช มณีงาม ผอ.ส่วนอนุรักษ์และป้องกัน สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 11 กล่าวว่า กองไม้สักที่พบอยู่บนแปลงที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิดังกล่าวนั้นอยู่ทิศตะวันตกติดกับแปลงปลูกป่าของสวนป่าเขาพลึง-บ้านด่าน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยเกียงพา และป่าน้ำไคร้ ห่างจากถนนดำสายอุตรดิตถ์-เด่นชัยประมาณ 300 เมตร

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ดำเนินคดีต่อ นาย ว., นาย ฉ. และนาย ช. ในฐานความผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ฐาน “ร่วมกัน ยึดถือครอบครอง เป็นอันเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 11 ฐาน “ร่วมกันทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 54 และ 55 ฐานแผ้วถาง ครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และมาตรา 69 ครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวง

ส่วนไม้สักท่อนที่มีการตีประทับเลขเรียง คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการเตรียมที่จะนำไม้สักท่อนไปสวมกับเอกสารการทำไม้ตาม พ.ร.บ.สวนป่า พ.ศ. 2535 แปลงใดแปลงหนึ่ง หรืออาจนำเอกสารอื่นใดมาอ้างเป็นหลักฐานการได้มาของไม้สักท่อนดังกล่าว ซึ่งน่าจะกระทำเป็นขบวนการ