พิจิตร - ศูนย์ดำรงธรรมเมืองชาละวันลงตรวจสอบข้อเท็จจริงผู้รับเหมาโครงการอนุรักษ์บึงสีไฟ ขุดดินบึงถมคลองส่งน้ำสาธารณะ พอชาวบ้านขอดินไปถมลานวัดบอกไกลเปลืองต้นทุน แถมรถบรรทุกหนักวิ่งขวักไขว่จนคันคลอง C67 พัง เสี่ยงคลองแตกในหน้าฝนนี้
รายงานข่าวจากจังหวัดพิจิตรแจ้งว่า นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ถนอม จินาวา รอง ผกก.ป.สภ.บางมูลนาก ปฏิบัติหน้าที่รองหัวหน้าชุดเฉพาะกิจจังหวัดพิจิตร (ศูนย์ดำรงธรรม) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีผู้รับเหมาโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูบึงสีไฟ วงเงิน 48 ล้านบาท นำดินที่ขุดลอกจากบึงสีไฟไปทิ้งในคลองที่เป็นแหล่งน้ำสาธารณะที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกัน
โดย พ.ต.ท.ถนอม และเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม ได้เชิญผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมาชี้แจง ซึ่งอ้างว่าชาวบ้านอยากได้ดินมาถมที่บริเวณไหล่ทาง แต่ก็ไม่นึกว่าผู้รับเหมาจะทิ้งดินรุกล้ำลงไปในคลองข้าวตอก ต.เมืองเก่า อ.เมืองพิจิตร ซึ่งเป็นคลองที่รับน้ำจากแม่น้ำพิจิตรเก่า เพื่อผันน้ำเข้าบึงสีไฟ
ด้านนายอมร เสียงชอง นายช่างโยธาปฏิบัติงาน ผู้ควบคุมงาน ชี้แจงว่า การทิ้งดินทำถูกต้อง โดยได้ขออนุญาต อบต.เมืองเก่าแล้ว อีกทั้งชาวบ้านก็ทำประชาคมอยากให้นำดินมาทิ้งในบริเวณดังกล่าว แต่ก็ยอมรับว่าการปรับแต่งคันคลองยังไม่เรียบร้อยสวยงาม และยังมีดินไปขวางทางน้ำที่คอสะพานข้ามคลองข้าวตอก หมู่ 4 บ้านวัดขนุนตำบลเมืองเก่า อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่งจะได้ให้ผู้รับเหมาแก้ไขต่อไป
นายไพศาล บรรเจิดศิลป์ กำนันตำบลเมืองเก่า อ.เมืองพิจิตร ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า การขุดลอกบึงสีไฟทำชาวบ้านเดือดร้อนจริง เนื่องจากรถบรรทุกดินวิ่งกันขวักไขว่จนถนนรอบบึงสีไฟมูลค่านับสิบล้านพังเสียหายยับเยิน ส่วนเรื่องการทิ้งดิน ตนเองก็เคยทำหนังสือไปขอดินให้มาทิ้งในที่สาธารณะ คือ ในวัดนครชุม ซึ่งอยู่ห่างพื้นที่ขุดลอกบึงสีไฟประมาณ 7-8 กม. แต่ผู้รับเหมาก็ไม่ให้ อ้างว่าไกล เปลืองต้นทุน โดยจะขอทิ้งดินในจุดใกล้ๆ ก่อน
จากนั้น พ.ต.ท.ถนอม พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ตระเวนดูการทิ้งดินของผู้รับเหมาโครงการขุดลอกบึงสีไฟก็พบว่ามีการเอาดินไปทิ้งข้างคลองชลประทาน C67 ซึ่งเป็นคูน้ำที่ชาวบ้านใช้เป็นแก้มลิงแบบสะเปะสะปะ นอกจากนี้ยังพบว่าผู้รับเหมาได้นำดินไปทิ้งบริเวณลานวัดขนุน จนกองสูงกว่าพื้นโบสถ์ และสูงกว่าเมรุของวัด ซึ่งถ้าไม่มีการปรับแต่ง เมื่อถึงหน้าฝนวัดขนุนจะต้องกลายเป็นแอ่งน้ำแน่นอน
นายประดิษฐ์ บุดดีจีน อดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนพิจิตร ซึ่งทำสวนอยู่ริมคลอง C67 บอกว่า บริเวณด้านหน้าที่ดินของตนที่อยู่ติดกับคลอง C67 และมีบ่อเป็นแก้มลิง แม้เป็นที่สาธารณะก็ตาม แต่ตนไม่ประสงค์จะให้ถม เนื่องจากต้องการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำ จึงมีการนำดินไปทิ้งริมคลอง โดยอ้างว่าเป็นการขยายคันคลอง
ด้านนายสมยศ แสงมณี ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดพิจิตร ให้สัมภาษณ์ว่า การทิ้งดินของโครงการดังกล่าวสร้างปัญหามาก ส่วนที่รถบรรทุกหนักวิ่งจนคันคลอง C67 พังเสียหายนั้น ทราบเรื่องแล้ว แต่คลอง C67 อยู่ในความดูแลของโครงการชลประทานดงเศรษฐี ซึ่งจะได้ประสานงานให้กล่าวโทษร้องทุกข์ผู้รับเหมารายนี้ต่อไป เพราะอีก 4 เดือนข้างหน้าเมื่อเข้าสู่หน้าฝน ถ้าปล่อยน้ำเข้ามาในคลองก่อนจะมีการซ่อมแซมอาจทำให้คลองแตกได้ จากเรื่องเล็กก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
อย่างไรก็ตาม ตัวแทนผู้รับเหมาได้ชี้แจงกับ พ.ต.ท.ถนอม และเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม ที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า หจก.วงศ์สระหลวงฯ ได้ทำงานถูกต้องตามสัญญา และทิ้งดินตามที่นายช่างผู้ควบคุมงานชี้ให้ทิ้ง
ขณะที่นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า การขุดลอกบึงสีไฟเคยมีปัญหามาก่อนแล้ว โดยเมื่อ 1-2 เดือนที่แล้วผู้รับเหมาก็ขุดดินบึงสีไฟไปถมคลองหนองน้อย หมู่ 3 ต.คลองคะเชนทร์ ทางฝ่ายทหารโดย พล.ต.ไสว พลการ ผบ.กกล.รส.จทบ.เพชรบูรณ์ ประจำพื้นที่จังหวัดพิจิตร และฝ่ายปกครอง ก็สั่งให้ยุติ และขุดดินออกให้หมด แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ดำเนินการ และยังเกิดเหตุซ้ำ ด้วยการนำดินจากการขุดบึงสีไฟไปถมในคลองข้าวตอก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสาธารณะ รวมทั้งถมบ่อน้ำของวัด ของโรงเรียน ที่ก่อนหน้านี้ต้องใช้งบประมาณในการขุด
“ได้ทำหนังสือไปยังผู้รับผิดชอบของโครงการให้ทำการตรวจสอบ และระงับการจ่ายเงินจนกว่าจะทำให้ถูกต้องตามสัญญาจ้างแล้ว”
สำหรับโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูบึงสีไฟดำเนินการโดยกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มี หจก.วงศ์สระหลวงก่อสร้าง เป็นผู้รับเหมา ตามสัญญาเลขที่ ทส 0601/33/2556 ลงวันที่ 23 เมษายน 2556 เริ่มสัญญาวันที่ 24 เมษายน 2556 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 28 ตุลาคม 2557 รวมระยะเวลาก่อสร้าง 550 วัน แต่ขณะนี้มีการขอขยายเวลาไปอีก 300 วัน ซึ่งจะไปสิ้นสุดปลายเดือนพฤศจิกายน 2558 ภายใต้งบประมาณทั้งสิ้น 48,518,000 บาท