บุรีรัมย์ - วุ่น! ชุมนุมสหกรณ์บุรีรัมย์หยุดรับซื้อข้าวไม่มีกำหนด หลังเงินทุนหมุนเวียนที่สำรองไว้เกือบ 20 ล้านหมดเกลี้ยง ซ้ำ ธ.ก.ส.ไม่อนุมัติเงินกู้โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวเปลือกตามนโยบาย คสช. ทำให้ไม่มีเงินรับซื้อข้าว สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวนา ต้องนำข้าวไปตระเวนขายให้แก่โรงสีทั้งใน และนอกพื้นที่ ได้ราคาต่ำ จี้ ธ.ก.ส.เร่งอนุมัติเงินกู้
วันนี้ (29 พ.ย.) ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรบุรีรัมย์ จำกัด ได้หยุดรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรชั่วคราว เนื่องจากเงินทุนหมุนเวียนของสหกรณ์ฯ ที่สำรองไว้กว่า 17 ล้านบาท ได้รับซื้อข้าวจากเกษตรกรจนหมดแล้ว ประกอบกับเงินที่ทางชุมนุมสหกรณ์ฯ ได้ยื่นกู้ไว้กับทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวชะลอราคาให้สูงขึ้นเพื่อช่วยเหลือชาวนาตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จำนวน 40 ล้านบาท ก็ยังไม่ได้รับการอนุมัติโดยไม่รู้ว่าติดอยู่ที่ขั้นตอนไหน ทั้งที่ได้ทำเรื่องยื่นกู้ไปตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2557 ก่อนที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาด
จากกรณีดังกล่าวได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรที่นำรถบรรทุกข้าวเปลือกมารอขายข้าวให้แก่ชุมนุมสหกรณ์หลายราย ต้องนำข้าวไปตระเวนขายให้แก่โรงสีทั้งในพื้นที่จังหวัด และผู้ประกอบการโรงสีจากนอกพื้นที่ที่มาเช่าลานเปิดรับซื้อ ซึ่งให้ราคาต่ำกว่าชุมนุมสหกรณ์ฯ ที่รับซื้ออยู่ในราคากิโลกรัมละ 14 บาท สูงกว่าท้องตลาดทั่วไป
อีกทั้งบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบจากการหักสิ่งเจือปน และความชื้นสูง จึงได้เรียกร้องให้ทาง ธ.ก.ส.เร่งอนุมัติเงินกู้ เพื่อให้ทางชุมนุมสหกรณ์ต่างๆ มีเงินรับซื้อข้าวจากเกษตรกรตามปกติโดยเร็วด้วย
ด้าน นางรุ่งอรุณ เชาวกรกุล ผู้จัดการชุมนุมสหกรณ์การเกษตรบุรีรัมย์ จำกัด กล่าวว่า แต่ละวันจะมีเกษตรกรทั้งที่เป็นสมาชิก และไม่ได้เป็นสมาชิกนำข้าวเปลือกมาขายที่ชุมนุมสหกรณ์ฯ เฉลี่ยวันละเกือบ 100 ราย ปริมาณข้าว 200-300 ตันต่อวัน ทำให้เงินทุนหมุนเวียนที่สำรองไว้รับซื้อข้าวกว่า 17 ล้านบาทหมดแล้ว จึงต้องหยุดรับซื้อชั่วคราว หรือจนกว่าทาง ธ.ก.ส.จะอนุมัติเงินที่ยื่นกู้ไว้ 40 ล้านบาท จึงจะสามารถเปิดรับซื้อข้าวจากเกษตรกรได้ตามปกติ
อีกทั้งในวันที่ 17-19 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ ที่ทางสำนักงานการค้าภายในจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ขอความร่วมมือให้ทางชุมนุมสหกรณ์บุรีรัมย์ จำกัด เปิดตลาดนัดรับซื้อข้าวเปลือกช่วยเหลือชาวนา ที่ประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำ อาจต้องชะลอ หรือยกเลิกเพราะไม่มีเงินรับซื้อ จึงอยากให้ทาง ธ.ก.ส.ได้เร่งพิจารณาอนุมัติเงินกู้ดังกล่าวโดยเร็วด้วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ชาวนาที่จำเป็นจะต้องนำเงินไปใช้จ่าย และค่าเกี่ยวข้าว
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลพบว่า ทาง ธ.ก.ส.บุรีรัมย์ ได้อนุมัติสินเชื่อให้แก่สหกรณ์ที่ยื่นความจำนงเข้าร่วมโครงการดังกล่าวไปแล้ว 15 สหกรณ์ เป็นวงเงิน 422.5 ล้านบาท จากที่ขอยื่นกู้ไว้ในวงเงินทั้งสิ้น 498 ล้านบาท ทั้งนี้ ทราบว่ายังมีสหกรณ์การเกษตรหลายแห่ง เช่น ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรบุรีรัมย์ จำกัด สหกรณ์การเกษตรลำปลายมาศ สหกรณ์การเกษตรหนองหงส์ ที่ยังไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้ ทำให้ประสบปัญหาในลักษณะเดียวกัน